Page 508 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 508
5.3 คําพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2544 วินิจฉัยว่า ที่ดินที่สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อ
เกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้มาตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 สํานักงาน
การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์โดยไม่ตกเป็นที่ราชพัสดุตาม
พระราชบัญญัติ การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 มาตรา 36 ทวิ ซึ่งเป็นการได้
่
กรรมสิทธิ์ในที่ดินมาตามกฎหมายอื่นตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 3 (2) จึงไม่ใช่ปาตาม
่
่
พระราชบัญญัติปาไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 4 (1) การตัดและทอนต้นมะม่วงปาอันเป็นไม้หวงห้าม
ประเภท ก. ในที่ดินสํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ย่อมไม่เป็นการทําไม้ตาม
่
ความหมายของมาตรา 4 (5) แห่งพระราชบัญญัติปาไม้ พ.ศ. 2484 อันไม่เป็นความผิดตาม
่
่
พระราชบัญญัติปาไม้ พ.ศ. 2484 เป็นผลให้การได้ไม้มะม่วงปาที่ยังไม่ได้แปรรูปเป็นการได้มาโดย
่
ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อสําคัญผิดในข้อเท็จจริง ว่าต้นมะม่วงปาขึ้นอยู่ในที่ดินที่สํานักงานการปฏิรูป
ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) อนุญาตให้จําเลยเข้าทําประโยชน์ ซึ่งข้อเท็จจริงในส่วนนี้ถ้ามีอยู่จริงจะ
่
ทําให้การกระทําไม่เป็นความผิด การที่มีไม้มะม่วงปาซึ่งยังไม่ได้แปรรูปดังกล่าว จึงไม่มีความผิดตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62 วรรคหนึ่ง
่
5.4 คําพิพากษาศาลฎีกาที่ 4347/2544 วินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทอยู่ในโซนซีของปาสงวน
่
แห่งชาติ ซึ่งกรมปาไม้ยังมิได้ส่งมอบพื้นที่ให้แก่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดิน แม้จะมีพระราชกฤษฎีกา
กําหนดเขตปฏิรูปที่ดินออกมาแล้วแต่พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นเพียงการกําหนดขอบเขตของที่ดิน
่
่
ที่จะทําการปฏิรูปที่ดินเท่านั้น ไม่ได้มีผลเป็นการเพิกถอนปาสงวนแห่งชาติในทันที ยังคงปาสงวน
่
แห่งชาติอยู่เช่นเดิม ที่พิพาทจึงยังคงมีสภาพเป็นปาสงวนแห่งชาติ
่
5.5 คําพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2550 ที่ดินพิพาทอยู่ในเขตปาสงวนแห่งชาติแต่ได้มีการ
ออกพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมแล้ว และได้ประกาศในราชกิจจา
่
นุเบกษา ซึ่งมีผลตามกฎหมายว่าประชาชนได้ทราบพระราชกฤษฎีกา และกรมปาไม้ได้ส่งมอบพื้นที่
่
ดังกล่าวให้สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมแล้ว ถือได้ว่าเป็นการเพิกถอนสภาพปาสงวน
แห่งชาติในบริเวณพื้นที่พิพาทตาม พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 มาตรา 26 (4)
่
้
ที่ดินพิพาทจึงไม่มีสภาพเป็นปาสงวนแห่งชาติ เมื่อโต้แย้งสิทธิครอบครองย่อมมีอํานาจฟอง
่
5.4 คําพิพากษาศาลฎีกาที่ 4132/2550 วินิจฉัยว่า ซื้อที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ในเขตปาสงวน
แห่งชาติ จึงมิได้มีสิทธิครอบครองที่ดินที่ซื้อตามกฎหมาย และต่อมาได้มีการกําหนดให้ที่ดินในท้องที่
ที่ดินพิพาทเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 มาตรา
่
26 (4) กําหนดว่า เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้ดําเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในที่ดินเขตปาสงวน
แห่งชาติส่วนใดแล้ว เมื่อ ส.ป.ก. จะนําที่ดินแปลงใดในส่วนนั้นไปดําเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อ
่
เกษตรกรรม ให้พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูปที่ดินมีผลเป็นการเพิกถอนปาสงวนแห่งชาติในที่ดิน
8‐73