Page 507 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 507

อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ  ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28  กรกฎาคา 2535    จึงได้ส่งแผนที่ผล
                                                                              ่
                                                                  ่
                                                                                                   ่
                     การจําแนกเขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและที่ดินปาไม้ ในพื้นที่ปาสงวนแห่งชาติ (พื้นที่ปาสงวน
                                                                        ่
                     แห่งชาติเสื่อมโทรมดินเหมาะสมต่อการเกษตร  จํานวน 305 ปา  เนื้อที่ 7.2 ล้านไร่)  เพื่อให้กระทรวง
                     เกษตรและสหกรณ์พิจารณามอบหมายให้ ส.ป.ก. รับไปดําเนินการตามมาตรการการใช้ประโยชน์
                                      ่
                     ทรัพยากรและที่ดินปาไม้  ตามมติคณะรัฐมนตรี  เมื่อวันที่ 10 และ 17 มีนาคม 2535  และแนวทางการ
                     ดําเนินการเรื่องวนเกษตร ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3  มีนาคม 2535  โดยมีเงื่อนไขว่าต้องใช้
                                                               ่
                     พื้นที่เพื่อรองรับการอพยพราษฎรจากเขตปาอนุรักษ์  ตามโครงการจัดการเพื่ออนุรักษ์
                     ทรัพยากรธรรมชาติ  โดยจะต้องจัดที่ดินให้ราษฎรครอบครัวละไม่เกิน 15  ไร่  และห้ามมิให้มีการ
                     เปลี่ยนมือในกรรมสิทธิ์นั้น


                                 5. คําพิพากษาศาลฎีกา

                            5.1  คําพิพากษาศาลฎีกาที่  9780/2539  วินิจฉัยว่า  ในกรณีมีที่ดินสาธารณประโยชน์ของ
                     แผ่นดินสําหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในเขตปฏิรูปที่ดิน พระราชบัญญัติปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.
                     2518  มาตรา 16  (1)  บังคับให้ต้องจัดที่ดินแปลงอื่นให้พลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกันแทน และให้มีการ

                     ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เฉพาะกรณีที่ที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น พลเมืองยังคง
                     ใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้นอยู่ หากเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ที่เลิกใช้ประโยชน์แล้วก็ไม่ต้องมีการจัดที่ดิน
                     แปลงอื่นให้พลเมืองใช้ร่วมกันแทนโดยคณะกรรมการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแต่อย่างใด และพระ

                     ราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดินให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินมีผลเป็นการถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของ
                     แผ่นดินสําหรับที่ดินสาธารณประโยชน์เหล่านั้นด้วย โดยมิต้องดําเนินการถอนสภาพตามประมวล
                     กฎหมายที่ดินอีก พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 มาตรา 39 ห้ามบุคคลที่

                     ได้รับสิทธิให้ทํากินในที่ดินโดยการปฏิรูปที่ดินโอนสิทธิในที่ดินไปยังผู้อื่น ดังนั้นหากมีการทําสัญญาซื้อ
                     ขายที่ดินดังกล่าวกันเอง ก็เป็นการขัดกับบทบัญญัติดังกล่าวสัญญาซื้อขายตกเป็นโมฆะตามประมวล
                     กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113


                            5.2  คําพิพากษาศาลฎีกาที่  7545/2542 วินิจฉัยว่า  ภายหลังเกิดเหตุได้มีพระราชกฤษฎีกา

                     กําหนดให้ท้องที่ที่เกิดเหตุเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ประกอบกับ พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อ
                                                                        ่
                     เกษตรกรรม พ.ศ. 2518 มาตรา 26 (4) มีผลเป็นการเพิกถอนปาสงวนแห่งชาติ ดังนี้เมื่อที่ดินที่เกิดเหตุ
                                       ่
                     สิ้นสภาพความเป็นปาสงวนแห่งชาติโดยผลของกฎหมายดังกล่าว แม้บุคคลยังคงยึดถือครอบครอง
                                                                                     ่
                     ที่ดินที่เกิดเหตุอยู่ การกระทําดังกล่าวก็ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกปาสงวนแห่งชาติตาม
                                   ่
                     พระราชบัญญัติปาสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507  มาตรา 14  มาตรา 31  วรรคสองกรณีเป็นเรื่องที่มี
                     กฎหมายที่บัญญัติในภายหลังบัญญัติให้การกระทําของดังกล่าวไม่เป็นความผิดต่อไป และย่อมพ้นจาก

                     การเป็นผู้กระทําความผิด ตามประมวลกฎมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง









                                                                                                     8‐72
   502   503   504   505   506   507   508   509   510   511   512