Page 227 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 227

กรกฎาคม พ.ศ. 2548 เจ้าหน้าที่ที่ดิน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านบางส่วนร่วมกันสํารวจและ
                       รังวัดที่ดินเพื่อออกหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวงโดยไม่ปรากฏหลักฐานทางทะเบียนอาศัยเพียงบัญชี
                       สํารวจที่สาธารณ ประโยชน์และคํากล่าวอ้างของผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านบางคน โดยผู้ร้องไม่ทราบมาก่อน

                       จึงไม่ได้คัดค้าน
                              หลักเขตและแผนที่รังวัดทับซ้อนที่ทํากินของชาวบ้าน 21 ราย”
                              “ที่ดินสาธารณประโยชน์โคกหนองโพธิ์ จังหวัดลพบุรี : ที่พิพาทมีการครอบครองทําประโยชน์

                       มีแบบแจ้งการครอบครอง ส.ค.1 และหนังสือรับรองการทําประโยชน์ น.ส.3 แต่ไม่สามารถขอออกโฉนดได้
                       เนื่องจากทางราชการอ้างว่ายังไม่ได้เดินถึงเขตที่ดินตน
                              พ.ศ. 2523 สภาตําบลขับไล่ชาวบ้านออกจากที่พิพาททั้งหมดอ้างเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์

                       นําที่ดินไปปลูกยูคาลิปตัส ชาวบ้านกลัวอิทธิพลของกํานันจึงไม่ได้ร้องเรียน
                              พ.ศ. 2538 ผู้ว่าราชการจังหวัดและกรมที่ดินดําเนินการรังวัดออกหนังสือสําคัญสําหรับ
                       ที่หลวงทับที่ดินทํากินอ้างว่าเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์โดยไม่ปรากฏหลักฐานทางทะเบียน มีเพียงคํา

                       กล่าวอ้างทางการไม่สามารถนําพยานหลักฐานมาอ้างได้ ต่อมา ชาวบ้านถูกขับไล่”
                              “ที่สาธารณประโยชน์ดงกอลอ จังหวัดมหาสารคาม : ที่ดินมีการครอบครองทําประโยชน์ตั้งแต่
                       ปี พ.ศ. 2458 ได้หลักฐานการครอบครอง ส.ค.1 มีการพัฒนาทรัพย์สินเป็นที่สวนไร่นา

                              พ.ศ. 2540 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับจังหวัดแจ้งว่าจะนําที่ทํากินของผู้ร้องและพวก
                       ซึ่งอ้างว่าอยู่ในที่ดินสาธารณประโยชน์ขึ้นทะเบียนไว้เมื่อ พ.ศ. 2473 เนื้อที่ 3,600 ไร่ แบ่งเป็น 3 แปลง ๆ
                       1 และ 2 ออกหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวงแล้ว พิพาทแปลงที่ 3 เพื่อก่อสร้างสถานที่ราชการเป็นศูนย์

                       พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง ยังไม่ออกหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวงเพราะมีผู้คัดค้าน
                              อําเภอและคณะกรรมการตรวจสอบโครงการและแผนผังการใช้ที่ดินสาธารณประโยชน์
                       ตรวจสอบพบชาวบ้านเลิกใช้เพราะไม่มีหญ้าสําหรับเลี้ยงสัตว์ประกอบกับชาวบ้านประกอบอาชีพอื่น
                                                                                                  ่
                       และชาวบ้านส่วนใหญ่นิยมใช้เครื่องอํานวยความสะดวกมากขึ้น จึงไม่มีการเก็บฟืน เก็บของปาอีกต่อไป
                       ไม่ตรงกับความจริงเพราะผู้ร้องและพวกยังครอบครองทําประโยชน์อยู่
                              เมษายน พ.ศ. 2542 กระทรวงมหาดไทยอนุมัติให้กรมส่งเสริมการเกษตรใช้ที่พิพาท”

                              “ที่สาธารณประโยชน์ปากนํ้าปราณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ :  ที่ดินอยู่อาศัยทํากินเป็นเวลา 80 ปี
                       ไม่มีเอกสารสิทธิ จังหวัดสั่งการให้องค์การบริหารส่วนตําบลจัดงบประมาณให้สํานักงานที่ดินจังหวัด/สาขา
                       เพื่อดําเนินการออกหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวงในที่ดินแปลงดังกล่าว ชาวบ้านมีหลักฐานจากอดีต

                       ผู้ใหญ่บ้านที่คัดสําเนามาจากอําเภอ(เทียบประกาศกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2471
                       กับบันทึกการออกหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวง รังวัดวันที่ 11 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม 2505) ซึ่งค้นจาก
                                                      ั
                       สํานักงานที่ดินจังหวัด/สาขาไม่ได้ในปจจุบัน พบรอยขีดฆ่าจํานวนเนื้อที่แต่ไม่มีลายมือชื่อกํากับ และ
                       ที่ตั้งที่พิพาทเป็นคนละหมู่
                              18 เมษายน พ.ศ. 2545 ผู้ใหญ่บ้านนํารังวัดโดยไม่มีการแจ้งให้ชาวบ้านทราบ ผลการรังวัดเนื้อที่
                       ที่พิพาทเพิ่มขึ้นจากทะเบียน จังหวัดดําเนินการสอบสวนแต่ไม่ได้สอบสวนชาวบ้านเจ้าของพื้นที่ และ

                       ให้นายอําเภอแจ้งสรุปการสอบสวนว่าที่พิพาทเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ ยึดเนื้อที่และที่ตั้งตาม


                                                                                                      6‐18
   222   223   224   225   226   227   228   229   230   231   232