Page 46 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง ปัญหาและมาตรการทางกฎหมายในการรับรองและคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว
P. 46
๓๑
ในส่วนที่เกี่ยวกับความเสียหาย (le dommage) นอกจากความเสียหาย
ทางวัตถุหรือทางทรัพย์สิน (un dommage matériel) แล้ว ความเสียหายที่ผู้เสียหายได้รับในกรณีการ
กระท่าอันกระทบต่อชีวิตส่วนตัวของบุคคลมักจะเป็นความเสียหายทางจิตใจ (un préjudice moral)
เสียมากกว่า อันได้แก่ ความรู้สึกละอายใจ (un sentiment de la pudeur) ความทรมานใจ (une souffrance
ou une douleur morale) อันเกิดจากการที่ชีวิตส่วนตัวของตนถูกเปิดเผยต่อสาธารณะหรือต่อบุคคลอื่น
การก่าหนดจ่านวนค่าเสียหายในกรณีเช่นนี้เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร ซึ่งศาลจะต้องพิจารณาถึงขอบเขต
แห่งความเสียหายที่ผู้เสียหายได้รับ (l’étendue du préjudice subi) หรือความร้ายแรงแห่งการกระท่า
ความผิด (la gravité de la faute) นั่นเอง โดยพิจารณาจากปัจจัยสองประการเป็นส่าคัญ ได้แก่ บุคคลผู้ถูก
เปิดเผยความลับในชีวิตส่วนตัว (la personne faisant l’objet de la divulgation) และขอบเขตของการ
เปิดเผย (l’étendue de la divulgation) เพื่อมิให้การก่าหนดจ่านวนค่าเสียหายเป็นไปตามอ่าเภอใจและ
ไม่เท่าเทียมกัน ทั้งนี้ ศาลฎีกา (la Cour de cassation) มีอ่านาจสูงสุด (un pouvoir souverain) ในการ
ก่าหนดจ่านวนค่าเสียหาย
ความสัมพันธ์ระหว่างการกระท่าความผิดของผู้ก่อให้เกิดความเสียหาย
และความเสียหายที่ผู้เสียหายได้รับ (un lien de causalité entre la faute et le préjudice) ย่อมเป็นที่
ประจักษ์ในกรณีการก่อให้เกิดผลกระทบหรือความเสียหายต่อความลับในชีวิตส่วนตัวของบุคคล
ในทางปฏิบัติ ผู้เสียหายเพียงแต่เรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่การนั้น ศาลก็มักจะพิพากษาให้ผู้กระท่า
ความผิดนั้นชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหาย ดังนั้น บุคคลผู้กระท่าการใดๆ อันเป็นการล่วงละเมิดสิทธิ
ในชีวิตส่วนตัวของบุคคลอื่นและก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลนั้น ย่อมมีหน้าที่ที่จะต้องชดใช้
ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหาย เนื่องจากบุคคลทุกคนย่อมมีสิทธิที่จะได้รับการเคารพจากบุคคลอื่นต่อสิทธิ
ในชีวิตส่วนตัวของตน ศาลแพ่งแห่งปารีส (la Cour de Paris) ได้เคยพิพากษาไว้ในคดีหนึ่ง เมื่อวันที่ ๑๗
๔๓
มีนาคม ๑๙๖๖ โดยให้ค่าอธิบายตอนหนึ่งประกอบค่าพิพากษาใน คดีว่า “ปัจเจกชนทุกคนมีสิทธิ
ในความลับเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของตน (droit au secret de sa vie privée)” ในคดีแพ่งอีกคดีหนึ่ง
๔๔
เมื่อวันที่๑๕ พฤษภาคม ๑๙๗๐ ศาลแพ่งแห่งปารีสได้ระบุว่า “การใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
(la liberté d’expression) จะกระท าได้ต่อเมื่ออยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิ
ของบุคคลที่จะได้รับการเคารพในชีวิตส่วนตัวของตน” และศาลได้ให้ค่านิยามแก่สิทธิดังกล่าวว่าหมายถึง
“สิทธิของบุคคลที่จะด าเนินชีวิตของตนตามวิถีทางที่ตนปรารถนา โดยจะถูกแทรกแซงจากภายนอกน้อย
ที่สุด”
e
๔๓ Paris, 7 Ch., 17 mars 1966, S.A. « La France continue » c/ Trintignant, D. 1966, J. 749.
๔๔ e
Paris, 7 Ch., 15 mai 1970, Soc. France Editions et Publications c/ Epoux Tenenbaum, D. 1970,
J. 466, conclusions de l’Avocat général CABANNES, note P.A. et H.M.: observations R. NERSON, Rev. trim. dr.
civ., 1971, p. 114. V. dans la doctrine, en faveur de ce droit, H.-U. SPOHN, La protection de l’intimité de la
personne par le droit de la responsabilité en France et en Allemagne, th. dact., Nancy, 1967