Page 25 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง ปัญหาและมาตรการทางกฎหมายในการรับรองและคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว
P. 25
๑๐
ไปติดที่โคมไฟตามถนน และสถานที่อื่นๆ เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมเดินขบวนในวัน เวลา
และสถานที่ที่ปรากฏในแผ่นโปสเตอร์นั้น ต่ารวจได้ท่าการจับกุมบุคคลซึ่งท่าการติดแผ่นโปสเตอร์นั้น
โดยได้ควบคุมตัวบุคคลผู้นั้นไว้จนกระทั่งถึงวันที่มีการเดินขบวน และต่อมาได้มีการร้องไปยังศาลปกครอง
ชั้นสูงของเบอร์ลิน ศาลได้วินิจฉัยว่าการจับกุมบุคคลดังกล่าวนั้นไม่มีความจ่าเป็นส่าหรับการรักษาความ
๑๔
สงบของสังคม เพราะการริบแผ่นประกาศดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นการเพียงพอแล้ว
(๓) ความได้สัดส่วนในความหมายอย่างแคบ หรือความสมเหตุสมผล
ระหว่างผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประโยชน์ที่ได้จากการด่าเนินการตามมาตรการดังกล่าว ได้แก่ การได้รับ
ผลกระทบอันเกิดจากการแทรกแซงในเสรีภาพของปัจเจกบุคคลจะต้องไม่อยู่นอกเหนือจากขอบเขต
ความสัมพันธ์ของประโยชน์อันเป็นเป้าหมายของสาธารณะที่ก่าหนดไว้ ประโยชน์ที่ได้จากการด่าเนินการ
ตามมาตรการนั้นจะต้องมีน้่าหนักมากกว่าผลเสียที่เกิดจากมาตการดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญสหพันธ์เคย
วินิจฉัยไว้ว่ามาตรการอันใดอันหนึ่งจะต้องไม่ก่อให้เกิดภาระแก่ผู้ได้รับผลกระทบจนเกินกว่าขอบเขต
และผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นจะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล ดังนั้น หลักความได้สัดส่วนจึงเป็นการยืนยันถึง
ความสมควร หรือความสมเหตุสมผล อันมีความใกล้เคียงอย่างยิ่งกับความหมายของหลักความได้สัดส่วน
๑๕
ในความหมายอย่างแคบ
หลักความได้สัดส่วนตามหลักกฎหมายของประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีนั้น
ถือว่าเป็นหลักกฎหมายมหาชนทั่วไปที่มิได้บัญญัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแต่อย่างใด แต่ได้รับการ
ยอมรับว่าเป็นหลักกฎหมายทั่วไปอย่างกว้างขวาง มิใช่เฉพาะแต่ในประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
เท่านั้น ยังรวมถึงออสเตรเลีย สาธารณรัฐฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ และประเทศอื่นๆ นอกจากนั้นยังได้รับ
การยอมรับว่าเป็นหลักกฎหมายในกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นหลักที่ได้รับการ
ยอมรับจากสหภาพยุโรป ทั้งนี้ เพราะรากฐานของหลักความได้สัดส่วนนั้นมีพื้นฐานมาจากหลักความ
ยุติธรรม อันเป็นพื้นฐานของหลักกฎหมายทั่วไป และเป็นหลักที่ค่านึงถึงความยุติธรรมทั้งในส่วนของ
ปัจเจกบุคคลและความยุติธรรมต่อสังคมโดยรวมด้วย
๑๔ M.Ch.Jakops,Der GrundsatZ der Verhaelthismaessigkeit,1981 S.68
๑๕
M.GentZ,NJW 1968,S.1600 (1604);P.Badura,1986,S.26