Page 20 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง ปัญหาและมาตรการทางกฎหมายในการรับรองและคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว
P. 20
๕
การกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย ซึ่งข้อความหรือภาพไม่ว่าด้วยวิธีใดไปยังสาธารณชน
อันเป็นการละเมิดหรือกระทบถึงสิทธิของบุคคลในครอบครัว เกียรติยศ ชื่อเสียง หรือความเป็นอยู่
ส่วนตัว จะกระท ามิได้ เว้นแต่กรณีที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน”
ต่อมาเมื่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มีผลใช้บังคับก็ได้
บทบัญญัติคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวไว้ในมาตรา ๓๕ ซึ่งบัญญัติว่า
“สิทธิของบุคคลในครอบครัว เกียรติยศ ชื่อเสียง ตลอดจนความเป็นอยู่ส่วนตัว ย่อม
ได้รับความคุ้มครอง
การกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความหรือภาพไม่ว่าด้วยวิธีใดไปยังสาธารณชน
อันเป็นการละเมิดหรือกระทบถึงสิทธิของบุคคลในครอบครัว เกียรติยศ ชื่อเสียงหรือความเป็นอยู่ส่วนตัว
จะกระท ามิได้ เว้นแต่กรณีที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับความคุ้มครองจากการแสวงประโยชน์โดยมิชอบจากข้อมูล
ส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ”
จะเห็นได้ว่ามาตรา ๓๕ วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๕๐ เป็นบทบัญญัติเพิ่มเติมขึ้นจากมาตรา ๓๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๔๐ เพื่อให้การความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลชัดเจนยิ่งขึ้น
แม้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐
จะก่าหนดรับรองและคุ้มครองสิทธิความเป็นอยู่ส่วนตัวไว้โดยชัดเจน แต่เนื่องจากในปัจจุบันเป็นยุคที่
ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การติดต่อสื่อสารระหว่างกันเป็นไปได้
โดยสะดวก รวดเร็ว เชื่อมต่อข้อมูลกันได้ทั่วโลก ในทางตรงกันข้ามความเจริญทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
ดังกล่าวนั้นก็ส่งผลกระทบต่อสิทธิในความเป็นส่วนตัวเป็นอย่างมากเช่นกัน กล่าวคือ เมื่อเทคโนโลยี
สารสนเทศมีประสิทธิภาพ ก็ส่งผลให้การละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของบุคคลเกิดขึ้นได้ง่ายยิ่งขึ้น และ
เมื่อการละเมิดสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลมีแนวโน้มที่จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายในสังคมไทย
ปัจจุบัน จึงถือเป็นภาระหน้าที่ที่ส่าคัญของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในฐานะองค์กรหลักในการ
ปกป้องและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนจะต้องเข้ามามีบทบาทในการตรวจสอบการละเมิดสิทธิในความ
เป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคล แต่การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในกรณีนี้ จ่าเป็น
จะต้องมีก่าหนดกรอบหรือขอบเขตของค่าว่า “ความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคล” ที่คณะกรรมการสิทธิ
มนุษยชนแห่งชาติมีสิทธิที่จะเข้าไปตรวจสอบให้มีความชัดเจน เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างมี
ประสิทธิภาพและสามารถให้ความคุ้มครองสิทธิในความเป็นส่วนตัวของบุคคลได้