Page 96 - แด่ศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน : วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา
P. 96
วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา 95
เขาก็นึกได้ทันทีว่าจะต้องมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลขึ้นเป็นแน่แท้ เจ้ายูโซะนั้นอาจจะ
วางใจได้ยิ่งกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่นางมิเด๊ะผู้ม่ายสามร้างเล่า เขาจะวางใจได้เพียงไหน นาง
อาจจะใช้กลิ่นบุหงาร่ําของนางยวนยั่วจนไอ้ยูโซะตบะแตกด้วยเห็นว่ามันเป็นหนุ่มแน่นข้อลําหนัก
ทั้งไม่เคยยุ่งแวะอิสตรีมาก่อนแม้แต่เมียเก่าของมัน” (มนัส จรรยงค์, 2550: 43)
การหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนเดียวทําให้ทั้งสองฝ่ายกลายเป็นโจร เขาตามไปล้างแค้นยูโซะจนสามารถเป็น
ฝ่ายได้เปรียบ นางมิเด๊ะ “ปรากฏตัวขึ้นเหมือนนางพรายปาฏิหาริย์” แต่ก่อนที่เขาจะฆ่ายูโซะนั้นมิเด๊ะได้ใช้ปืน
ฆ่ายูโซะก่อนโดยให้เหตุผลว่ายูโซะข่มขืนนาง และอ้อนวอนขอให้เขาอภัยให้ ผู้เล่าเรื่องกล่าวว่า “อันบุรุษอาจ
เปรียบได้เสมือนควายโง่ แม้จะรู้ว่าหนองน้ําปลักโคลนนั้นจะอุดมด้วยทากและปลิงอันอาจสูบเลือดให้ม้วย
มรณ์ไปได้ แต่ความกระหายต่อรสน้ําอันมิรู้เหือดก็นํามันสู่มรณะนั้นโดยมิได้พรั่นพรึงแต่ประการใด” (มนัส
จรรยงค์, 2550: 50) อันเป็นการแสดงความเห็นของผู้เล่าเรื่องแบบสัพพัญญูที่เสนอความคิดที่เป็น “สัจธรรม”
ที่ว่าผู้หญิงเป็นสาเหตุที่ทําให้ผู้ชายตายโดยเปรียบผู้หญิงเป็นปลิงหรือทากที่ดูดเลือดผู้ชาย ภายหลังเมื่อคืนดี
กันเขานอนหลับและรู้สึกตัวว่ามีคนลอบทําร้าย “บัดนั้นตาเขาก็พลันสว่าง และรู้ฉับไวว่าบุคคลที่ย่องมาสังหาร
เงียบ เขาผู้นี้ย่อมจะเป็นชู้รักอีกคนหนึ่งของม่ายร้ายเสน่ห์ผู้มีเล่ห์เหลือที่จะคณานับ” (มนัส จรรยงค์, 2550:
52) เขาฆ่าชู้รักของเมียและเมียตนเองอย่างโหดร้าย “เขาใช้มีดเล่มนั้นกรีดใบหน้าอันวอนฤทัยของนางโดยไม่
ยั้งมือ และกรีดลงไปจนถึงทรวงอก ถึงช่วงท้องและช่วงขาอันงามลานตา จนกระทั่งร่างทั้งร่างหมดสิ้นซึ่งความ
ทุรนทุราย” (มนัส จรรยงค์, 2550: 52)
จากเรื่องที่เล่าจากมุมของ “เขา” ดูเหมือนว่านางมิเด๊ะเป็น
ตัวละครหญิงแพศยาที่ถูกลงโทษอย่างสาสม หากแต่มองจากมุมของ
ผู้หญิง เรื่องราวของเธอถูกผลิตซ้ําด้วยวาทกรรม “กระดังงาลนไฟ”
และตกเป็นเหยื่อของสามีที่กําหนดชีวิตของเธอว่าจะให้ไปอยู่กับใคร
ตามพิธี “จี นอ บู ตอ” และเมื่อเธอทําตามก็ไม่พ้นที่จะถูกกล่าวหาว่า
ใช้เสน่ห์ทําให้ยูโซะหลงใหลเมื่อมิเด๊ะต้องการเป็นฝ่าย “กระทํา”
มากกว่า “ถูกกระทํา” ในกรณีที่เลือกอยู่กับชายอีกคนหนึ่งที่ “เขา”
เรียกว่าเป็น “ชายชู้” มิเด๊ะจึงถูกลงโทษอย่างโหดเหี้ยมเหมือนสัตว์ที่
ถูกเชือด
จากตัวอย่างของทั้งสองเรื่องนี้จะเห็นได้ว่าผู้หญิงเป็นฝ่ายถูกลงโทษในขณะที่อยู่กึ่งกลางของความ
ขัดแย้ง ระย้าถูกทํา “ตําหนิ” โดยการกรีดหน้าเพื่อลดค่าความเป็นผู้หญิงของเธอลงไป เพราะผู้หญิงถูก
ประเมินค่าเพียงแค่ความงาม ดังนั้น ผู้หญิงที่มีใบหน้าที่มีตําหนิคือผู้หญิงที่ค่าลดลง ส่วนมิเด๊ะถูก “เชือด” ราว
กับสัตว์เพื่อระบายความแค้น