Page 184 - แด่ศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน : วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา
P. 184
วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา 183
ศานติสิยอดบูชา มิตรจ๋าเราโง่หรือไฉน
ปล่อยรุดหลุดคล้อยลอยไป เพียงใจขาดหวิวลิ่วลอย
(อุชเชนี, 2544: 64)
กวีนิพนธ์ “ก้องกว่าเสียงปืน” อุชเชนีกล่าวไว้ว่า
เขาหรือคือโซ่สาย แนวรักรายเราหยัดยืน
กว่าเกลี้ยงทั่วเสียงปืน ศานติซ้องก้องโลกา
(อุชเชนี, 2544: 103)
ส่วนใน “เพียงฝันเท่านั้นหรือ” อุชเชนีกล่าวถึงสันติภาพและสันติภพไว้ว่า
พิศแดนฝันสันติภพสงบซึ้ง กระหายพึ่งผูกรักเป็นศักดิ์ศรี
ชาตาโหดโฉดกระชากพรากชีวี ให้ร้อนรี่รุดเริดระเหิดเลย
ทิ้งเนินฝันนั้นไว้ไกลลิบลิบ สุดมือหยิบเสียแล้วแก้วตาเอ๋ย
เนินคงลาดสะอาดเห็นเหมือนเช่นเคย ได้ชื่นเชยเพียงฝันเท่านั้นหรือ
(อุชเชนี, 2544: 109)
นอกนี้ยังมีกวีนิพนธ์ของนายผี บทที่ชื่อว่า “สุขหรือสงคราม” ตอนที่ว่า
สงครามทรามสุดเศร้า สาหัส
ไฉนนี่ริรับรัด เร่งสู้
เตรียมรบจักร่านจัด จริงแน่ ไฉนเฮย
ควรขัดคนร้ายกู้ สุขแก้กลับศานติ
ผิผองชนช่วยค้าน สงคราม
ยืนหยัดไป่ยอมตาม ศึกเต้า
จักแก้ทุรยุคยาม ยับย่อย
สุขย่อมยืนอยู่เหย้า ไป่ย้อนขยับหนี
(นายผี, 2541: 266-267)
จากการศึกษากวีนิพนธ์ข้างต้น จะเห็นได้ว่ากวีแทบจะทุกคนกล่าวถึง “สันติภาพ” และความสงบสุข
ว่าเป็นจุดหมายปลายทาง เป็นทางแก้ปัญหา และเป็นทางออกของสงคราม
สงครามโลกครั้งที่ 2 หรือสงครามครั้งใดก็ตาม ถือเป็นความรุนแรงขั้นสูงที่มนุษย์แสดงออกเพื่อใช้
เป็นทางออกในการแก้ปัญหา สงครามเป็นความรุนแรงในระดับโลกและเป็นความรุนแรงทางตรง
(ม.ร.ว.พฤทธิสาน ชุมพล, 2534: 176) ในทางกลับกัน เมื่อสงครามได้พรากเอาสิทธิที่มนุษยชนพึงมีไป หาก
ทว่าสันติภาพกลับกอบกู้เอาสิทธิมนุษยชนกลับคืนมาสู่มวลมนุษย์อีกครั้ง ความเข้าใจที่ผู้คนมีให้สันติภาพก็คือ