Page 188 - แด่ศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน : วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา
P. 188
วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา 187
เป็นที่น่าสังเกตว่ากวีนิพนธ์ของนายผีและนักประพันธ์กลุ่มเอกชนที่กล่าวถึงสงครามในช่วงเวลาที่เกิด
9
สงครามขึ้นจริงหรือหลังจากเหตุการณ์ยุติไปได้ไม่นาน จึงน่าจะเป็นการกล่าวถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 นี้แบบ
นัยยะตรง แต่กวีนิพนธ์ของอุชเชนีและทวีปวรนั้น จะกล่าวถึงสงครามหลังจากที่สงครามโลกครั้งนี้ยุติลงไปได้
สักระยะหนึ่งแล้ว จึงน่าจะเป็นการกล่าวถึงสงครามโดยมีนัยยะทางการเมืองภายในประเทศและการเมือง
ระหว่างประเทศแฝงไว้ด้วย ผู้เขียนสันนิษฐานว่ากวีน่าจะกล่าวถึงความสุขสงบที่ปราศจากสงคราม ความ
รุนแรง และความขัดแย้งทั้งปวง เพราะหากวิเคราะห์ประกอบกับเหตุการณ์บ้านเมืองของไทยในช่วง พ.ศ.
2488-2490 ซึ่งเป็นช่วงที่กลุ่มผู้นําที่มีความคิดแบบเสรีนิยม (และสังคมนิยมบางส่วน) รวมทั้งกลุ่มอนุรักษ์
นิยมกําลังมีความพยายามที่จะสถาปนาระบบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
“กระแสแนวความคิดทางการเมืองเช่นนี้ เป็นผลมาจากชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2
ของฝ่ายสัมพันธมิตร ที่ถือว่าตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย (แบบเสรีนิยม) ... ในแง่ของแนวความคิด
หรือข้ออ้างทางสิทธิธรรม สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นการต่อสู้ขับเคี่ยวกันระหว่างฝ่ายลัทธิ
ประชาธิปไตยและฝ่ายฟาสซิสม์ และเมื่อสงครามจบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายประชาธิปไตยหรือ
สัมพันธมิตร ก็ทําให้แนวทางหรือแนวความคิดของฝ่ายชนะกลายเป็นรูปแบบที่ได้รับการยอมรับ
และชื่นชม ...”
(ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, 2551: 437)
การเบ่งบานของประชาธิปไตยเช่นนี้เป็นไปในระยะเวลาอันสั้น เพราะบรรดานักการเมือง พรรค
การเมือง ข้าราชการทหาร พลเรือนที่ยึดหลักแนวทางประชาธิปไตยไม่สามารถสร้างความเข้มแข็งเป็นหลัก
ของประชาธิปไตยได้ ประกอบกับในขณะนั้น ประเทศกําลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจและเกิดกรณีสวรรคต
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) ทําให้ระบบทหาร-อํานาจนิยมฟื้นตัวขึ้นมาใหม่
ต่อมาเมื่อเกิดการรัฐประหารใน พ.ศ.2490 และมีรัฐบาลใหม่ของคณะรัฐประหารและของ จอมพล
ป. พิบูลสงคราม ซึ่งในขณะนั้นและหลังจากนั้น การเมืองของโลกก็อยู่ในบรรยากาศสงครามเย็น โลกถูกแบ่ง
ออกเป็น 2 ค่ายมหาอํานาจ คือ ตะวันตกและตะวันออก รัฐบาลของประเทศตะวันตก เช่น สหรัฐอเมริกาและ
อังกฤษต่อต้านรัฐบาลทหารของไทยเพราะถือว่าเป็นฝ่ายฟาสซิสม์ และก็กําลังหวั่นวิตกการขยายตัวของลัทธิ
คอมมิวนิสต์ สหรัฐอเมริกาใช้ไทยฐานที่มั่นต่อต้านคอมมิวนิสต์ และต่อมารัฐบาลไทยก็ได้แสดงเจตจํานงเลือก
อยู่ในค่าย “เสรีประชาธิปไตย” ต่อต้านคอมมิวนิสต์ ในขณะที่ประเทศทางตะวันออก เช่น จีน สหภาพโซเวียต
9 สงครามโลกครั้งที่ 2 ในแปซิฟิก-เอเชีย ยุติลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2488 (หากนับเวลา
ของญี่ปุ่นจะตรงกับ วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488) ภายหลังจากที่สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูสองลูกเมื่อวันที่ 6 และ 9
สิงหาคมที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ ส่งผลให้ฝ่ายญี่ปุ่นเสียชีวิตกว่าสองล้านคน บ้านเมืองเสียหายยับเยิน และพระจักรพรรดิ
ฮิโรฮิโต (Emperor Hirohito) แห่งญี่ปุ่นทรงประกาศยอมแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตรผ่าน ทางวิทยุกระจายเสียงทั่วญี่ปุ่น.