Page 171 - แด่ศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน : วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา
P. 171

170      แดศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน



                ไทยไปยังพม่าและมลายู เพื่อหลีกเลี่ยงความหายนะของประเทศอันจะเกิดจากการต่อต้านญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม
                แม้ว่ารัฐบาลไทยได้ตัดสินใจทําเช่นนั้น บทสุดท้ายก็ยังนํามาซึ่งความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงให้แก่ประเทศชาติ

                และประชาชนชาวไทย เพราะไทยต้องส่งกําลังบํารุงและวัตถุดิบทั้งหมดให้แก่กองทหารญี่ปุ่น ส่งผลให้เกิดการ
                ขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าราคาแพงขึ้น รวมทั้งปัญหาเงินเฟ้อ การตัดสินใจในครั้งนี้รัฐบาลจึงถูก
                สาธารณชนวิจารณ์และต่อต้านอย่างรุนแรง ซึ่งจากการศึกษาพบว่ากวีไทยร่วมสมัยจะกล่าวถึงสงครามโลก

                ครั้งที่ 2  ไว้เป็น 2  ลักษณะ ได้แก่ กวีนิพนธ์ในฐานะกระบอกเสียงของกวีเพื่อวิพากษ์และแสดงความคิดเห็น
                และกวีนิพนธ์ในฐานะกระบอกเสียงของกวีเพื่อเรียกร้องแทนผู้สูญเสีย โดยจะศึกษาจากกวีนิพนธ์สงครามที่

                                                                               2
                แต่งหลังจากช่วงเวลาที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ ราว พ.ศ. 2484- พ.ศ. 2499   รวมทั้งกวีนิพนธ์ร่วมสมัยที่
                                      3
                มีการกล่าวถึงสงครามครั้งนี้

                       (1) กวีนิพนธ์ในฐานะกระบอกเสียงของกวีเพื่อวิพากษ์และแสดงความคิดเห็น
                       การที่รัฐบาลไทยเข้าไปมีส่วนในการร่วมมือกับฝ่ายญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ฝ่ายอักษะ เหตุเพราะรัฐบาลได้รับคํา

                ขู่จากอัครราชทูตญี่ปุ่นว่าหากไทยไม่ยอมเปิดดินแดนก็จะมาทิ้งระเบิดในเขตพระนคร จอมพล ป. พิบูลสงคราม
                นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นมองเห็นว่ากองทัพไทยไม่อาจต้าน

                กองทัพญี่ปุ่นไว้ได้นาน จึงได้ตกลงลงนามร่วมเป็นพันธมิตรของ
                ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) ณ อุโบสถ

                วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์
                รัฐบาลไปในวงกว้าง  อย่างไรก็ตาม ไม่พบว่ามีกวีนิพนธ์ที่แสดง

                การวิพากษ์รัฐบาลหรือผู้นํารัฐอย่างตรงไปตรงมาในขณะนั้นแต่
                อย่างใด อาจเป็นเพราะคงไม่เหมาะนักที่กวีจะวิพากษ์ออกมา

                ในขณะนั้นก็เป็นได้ ทางออกที่กวีเลือกใช้ในการแสดงความ            ในสนามรบ
                คิดเห็น ตลอดจนความรู้สึกออกมาก็คือ การวิพากษ์ โดยที่กวีได้กล่าวถึงเรื่องสงครามและเหตุการณ์ในช่วงนั้น

                ในลักษณะกลาง ๆ ว่า สงครามเกิดเพราะจิตใจที่ต่ําช้าของคน เช่น ในกวีนิพนธ์ของอุชเชนี บทที่ชื่อว่า
                “เป็นไปได้หรือ” ที่กล่าวว่า



                       2  น่าสังเกตว่ากวีนิพนธ์สงครามที่แต่งในช่วงเวลาที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนใหญ่เป็นกวีนิพนธ์ที่แต่งขึ้นในช่วงหลัง
                เหตุการณ์สงครามจบลง กวีนิพนธ์ดังกล่าวมักจะลงตีพิมพ์ในวารสาร/นิตยสารในสมัยนั้น อาทิ วารสารเอกชนรายสัปดาห์ นิตยสาร

                สยามสมัย วารสารวงวรรณคดี วารสารอักษรสาส์น เป็นต้น มีเพียงกวีนิพนธ์ของนายผี บทที่ชื่อว่า “ความเผลอของนายผี” เท่านั้น
                ที่แต่งขึ้นใน พ.ศ.2484 เพราะกวีนิพนธ์ที่แต่ง พ.ศ.2492 ลงมา.
                       3   กวีนิพนธ์กลุ่มนี้จะเป็นกวีนิพนธ์สมัยต่อมาที่กล่าวอ้างอิง/พาดพิงเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อเหตุผลบาง
                ประการ เช่น “คนดีศรีอโยธยา” ของทวีปวร ที่แต่งขึ้นเพื่อกล่าวถึงคุณงามความดีของนายปรีดี พนมยงค์ และมีการกล่าวพาด
                พึงถึง จอมพล ป. พิบูลสงคราม.
   166   167   168   169   170   171   172   173   174   175   176