Page 169 - แด่ศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน : วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา
P. 169
168 แดศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน
กวีนิพนธ์สงครามของไทยในยุคแรกคือ วรรณกรรมการสงคราม ตามคําจํากัดความของ กุลนรี
ราชปรีชา (2552: 4-5) ที่ได้แบ่งวรรณกรรมไทยที่เกี่ยวกับการสงครามไว้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
1) วรรณกรรมที่สะท้อนเกี่ยวกับการสงครามโดยตรง หมายถึง วรรณกรรมที่มีเนื้อหาสาระ
เน้นหนักที่การรบ หรือสะท้อนข้อมูล ความรู้ ความคิด เกี่ยวกับการสงคราม ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มต่างๆ ตามที่มา
ของเนื้อหาและวัตถุประสงค์ในการแต่ง ได้แก่
(1) วรรณกรรมยอพระเกียรติและสดุดีวีรชน ที่มีเนื้อหาจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ไทย อาทิ
ลิลิตตะเลงพ่าย ลิลิตดั้นสดุดีบ้านบางระจัน (2) วรรณกรรมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสงครามในประวัติศาสตร์ อาทิ
ไทยรบพม่า โคลงมังทราตีเชียงใหม่ (3) วรรณกรรมที่มีเนื้อหาอิงพงศาวดารหรือมหากาพย์ของประเทศเพื่อน
บ้าน อาทิ รามเกียรติ์ มหาภารตยุทธ์ สามก๊ก ราชาธิราช (4) วรรณกรรมที่ผู้แต่งมุ่งสอนคติธรรมในเรื่องใด
เรื่องหนึ่ง โดยใช้สถานการณ์สงครามสื่อความคิด เช่น บทละครรําเรื่องพระร่วง สามัคคีเภทคําฉันท์
(5) วรรณกรรมที่สะท้อนข้อมูลความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการทําสงคราม เช่น สงครามป้อมค่ายประชิด นิทาน
ทหารเรือ และ (6) วรรณกรรมที่มีเนื้อหาทํานองปลุกใจ ได้แก่ บทละครพูดของหลวงวิจิตรวาทการ เป็นต้น
2) วรรณกรรมที่มีการสงครามแทรกอยู่ในเนื้อหา หมายถึง วรรณกรรมที่มีแก่นของเนื้อหาเกี่ยวกับ
เรื่องอื่นๆ ที่มิใช่การรบ เช่น ความรัก การสั่งสอนคุณธรรม และเรื่องประโลมโลกต่างๆ แต่ในบางฉากหรือบาง
ตอนของเรื่องมีการทําสงครามแทรกอยู่ ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มต่างๆ ตามที่มาของเนื้อหาและวัตถุประสงค์ในการ
แต่งได้แก่
(1) วรรณกรรมยอพระเกียรติ หมายถึง วรรณกรรมที่ผู้แต่งมีวัตถุประสงค์เพื่อยกย่องสรรเสริญ และ
เทิดทูนพระมหากษัตริย์ เช่น โคลงเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โคลงเฉลิมพระเกียรติพระ
เจ้ากรุงธนบุรี (2) วรรณกรรมที่มีเนื้อหาจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ เช่น พงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ
อักษรนิติ์ ลําดับกษัตริย์กรุงเก่าคําฉันท์ และ (3) วรรณกรรมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักที่เป็นสาเหตุของการ
ทําสงคราม อาทิ ลิลิตพระลอ ขุนช้างขุนแผน อิเหนา เป็นต้น
จากการศึกษาและแบ่งวรรณกรรมไทยที่เกี่ยวกับการสงครามของกุลนรีข้างต้นนั้น ไม่พบว่ามีการ
กล่าวถึงวรรณกรรมที่กล่าวถึงสงครามโดยที่เนื้อหาเป็นไปในทํานอง “กาพย์กลอนแห่งความคิด” แต่อย่างใด
เพราะจะเห็นได้ว่าลักษณะที่ปรากฎนั้น เป็นภาพสงครามในประวัติศาสตร์ หรือฉากสงครามในเรื่องเล่าเท่านั้น
นักเขียนหรือกวีส่วนใหญ่จะเป็นผู้เล่าเรื่องแบบไม่มีส่วนร่วมกับเรื่อง เป็นผู้เล่าเรื่องแบบไม่แสดงทัศนะของตน
(impersonal narrator) มากกว่าจะเป็นผู้เล่าเรื่องแบบเป็นผู้ประสบเหตุหรือแสดงความคิดเห็น อารมณ์
ความรู้สึกต่อเหตุการณ์สงครามที่เกิดขึ้น แต่ต่อมาเมื่อไทยได้รับอิทธิพลทางด้านวรรณกรรมมาจากตะวันตก
ทําให้วรรณกรรมมีลักษณะของ “กาพย์กลอนแห่งความคิด” ซึ่งจะพบว่ากวีนิพนธ์สงครามจะมีลักษณะของ
การแสดงความคิดเห็นอยู่ด้วย บทกวีกลายเป็นพื้นที่หรือเครื่องมือในการแสดงความคิดเห็นของนักเขียนหรือ