Page 194 - ภาษาเพศในสังคมไทย : อำนาจ สิทธิและสุขภาวะทางเพศ
P. 194

บทที่ 4 เพศวิถี: ชายรักชาย  177

                                     แมวาบอยครั้งที่ “ชายรักชาย” จะยังคงถูกนํามาใชในความหมายที่รวม
                               เอาบุคคลที่มีตัวตนทางเพศวิถีแบบ “เกย” และมีตัวตนทางเพศภาวะแบบ
                               “กะเทย” เขาไวดวยกัน เนื่องมาจากความไมคุนเคยในการแยกตัวตนทาง

                               เพศภาวะ กับเพศวิถีออกจากกันของสังคมไทย และอิทธิพลแนวคิดในเชิง
                               ระบาดวิทยาเรื่องพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของกลุม “เอ็มเอสเอ็ม” แตในระยะ

                               หลังๆ ก็เปนที่เขาใจกันมากขึ้นวา “ชายรักชาย” หมายถึง “ผูชายที่มีตัวตน
                               ทางเพศวิถีแบบชายรักเพศเดียวกันที่ไมไดตองการจะแตงตัว แสดง
                               อากัปกิริยาเปนเพศตรงขาม หรือตองการจะแปลงเพศ”
                                     กลาวไดวาสําหรับในกลุมผูชายที่รักเพศเดียวกันเอง คําวา “ชายรักชาย”
                               เปนคําที่จะใชเมื่อตองการสื่อสารกับสาธารณะในการรณรงคดานสิทธิของ
                               ความมีตัวตน และความเทาเทียม และคอนขางใหความรูสึกที่เปนทางการ หรือ

                               เปนวิชาการ มากกวาคําวา “เกย” ซึ่งเปนคําที่เปนที่รูจักคุนเคย และนิยมใชทั่วไป
                               ทั้งภายในกลุมผูชายรักเพศเดียวกันเองและคนทั่วไป ขณะที่คําวา “เอ็มเอสเอ็ม”
                               มักถูกใชในแวดวงของการรณรงคดานสุขภาพทางเพศ และเอชไอวี/เอดส

                               ซึ่งมีความหมายรวมถึง ผูชายทุกเพศภาวะ และเพศวิถีที่มีเพศสัมพันธกับชาย
                               ดวยกัน และเปนคําซึ่งสะทอนถึงการจัดกลุมบุคคลโดยวิชาการดานสาธารณสุข
                               ตามพฤติกรรมเสี่ยงตอโรคติดตอทางเพศสัมพันธมากกวา

                                     ชายรักชายบางคนซึ่งมีภูมิหลังมาจากสถานะทางสังคมที่คอนขางต่ํา ให
                               เหตุผลวาเขาเองเลือกนิยามความเปนตัวตนดวยคําวา “ชายรักชาย” แทนคําวา
                               “เกย” โดยที่ไมไดสนใจวาคําๆ นี้มีที่มาจากไหน หรือมีนัยทางการเมืองอยางไร

                               แตที่ใชเพราะรูสึกวาดีกับคําวา “ชายรักชาย” ในแงที่เปนคําที่ฟงดูทันสมัย ไมทํา
                               ใหรูสึกถึงการเปนคนที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศ และเปนคําที่แสดงถึงความ
                               เปนชนชั้นกลาง เพราะสวนใหญมีแตคนชนชั้นกลางที่ใชคําๆ นี้กัน
                                     อยางไรก็ตามทั้งคําวา “เอ็มเอสเอ็ม” และ “ชายรักชาย” ลวนแตเปนคํา

                               ที่ยังไมแพรหลายในสังคมทั่วไปเทาไรนัก และสําหรับกลุมนักกิจกรรมชายรักชาย
                               เอง บางครั้งก็จะใชคําวา “ชายรักชาย” และ “เอ็มเอสเอ็ม” สลับสับเปลี่ยนกัน
                               ไปมาตลอดขึ้นอยูกับวัตถุประสงค และบริบทในการเคลื่อนไหวขององคกรนั้นๆ

                               โดยถาเปนบริบทที่เกี่ยวของกับการรณรงคเรื่องสิทธิ และความเทาเทียม
                               ทางสังคม ก็จะใชคําวา “ชายรักชาย” แทนคําวา “เกย” มากกวา และแยกกลุม



                                                        สุไลพร  ชลวิไล
   189   190   191   192   193   194   195   196   197   198   199