Page 182 - ภาษาเพศในสังคมไทย : อำนาจ สิทธิและสุขภาวะทางเพศ
P. 182
บทที่ 4 เพศวิถี: หญิงรักหญิง 165
หญิงรักหญิง
สุไลพร ชลวิไล
ตัวตนทางเพศที่นิยามโดยผูหญิง
“หญิงรักหญิง” หรือ “ผูหญิงที่รักผูหญิง” เปนการนําเอาคําในภาษาไทย
ซึ่งมีความหมายเปนที่เขาใจกันอยูแลวมาเรียงตอกันใหเกิดเปนคําใหม เพื่อ
สื่อถึงตัวตนทางเพศวิถีอีกแบบหนึ่งของผูหญิง คําๆ นี้มีความหมายตรงตัว
หมายถึง “ผูหญิงที่มีจิตใจรักใครชอบพอในผูหญิงดวยกัน โดยที่อาจจะมี
เพศสัมพันธ หรือไมมีเพศสัมพันธกันก็ได”
“หญิงรักหญิง”เปนคําที่เกิดขึ้นพรอมกับการเปดตัวของ “กลุมอัญจารี”
กลุมของผูหญิงรักเพศเดียวกันที่ทํางานรณรงคใหสังคมเขาใจ ยอมรับ และ
ตระหนักถึงการมีตัวตนอยูในสังคม และเคารพในสิทธิของผูหญิงซึ่งเลือกที่จะ
รักกับผูหญิง โดยทางกลุมไดใชคําวาหญิงรักหญิงเปนคําหลักในการรณรงคใน
ประเด็นเรื่องสิทธิของผูหญิงที่รักเพศเดียวกันตั้งแตยุคเริ่มแรกมาจนกระทั่งถึง
ทุกวันนี้
กลุมอัญจารีกอตั้งขึ้นเมื่อป พ.ศ. 2529 และไดเปดตัวกับสาธารณชน
1
อยางเปนทางการในป พ.ศ. 2536 ชื่อของกลุม “อัญจารี” เกิดจากการนําเอา
1 กลุมอัญจารี กอตั้งขึ้นเปนครั้งแรกโดยการรวมตัวของนักกิจกรรมดานสิทธิผูหญิง 4 คน ซึ่งทุกคน
ตางก็เปนผูหญิงที่รักเพศเดียวกัน และมีมุมมองคลายกันในเรื่องสิทธิของผูหญิงรักผูหญิง โดย
มองวาสังคมไทยเปนสังคมที่ยังคงมองกลุมผูหญิงที่ชอบเพศเดียวกันวาเปน ความผิดปกติ หรือ
เบี่ยงเบนทางเพศ แมแตกลุมที่ทํางานเคลื่อนไหวในประเด็นผูหญิงเอง ก็ไมไดตระหนักถึงความมี
ตัวตนอยูของผูหญิงที่รักเพศเดียวกัน หรือตระหนักถึงสิทธิของผูหญิงในการเลือกที่จะรัก หรือมี
ความสัมพันธทางเพศกับเพศเดียวกัน ในชวง 4-5 ปแรกกลุมอัญจารีทํางานโดยมีวัตถุประสงค
เนนไปที่การรณรงคสรางความเขาใจกับสังคมในเรื่องสิทธิของผูหญิงรักเพศเดียวกันเปนหลัก
จนกระทั่งถึงในป พ.ศ. 2543 หลังประสบความสําเร็จในการเคลื่อนไหวคัดคานการออกกฎหามไม-
สุไลพร ชลวิไล