Page 183 - ภาษาเพศในสังคมไทย : อำนาจ สิทธิและสุขภาวะทางเพศ
P. 183

166  ภาษาเพศในสังคมไทย: อํานาจ สิทธิ และสุขภาวะทางเพศ

                               คํา 2 คํามารวมกัน คือ คําวา “อัญญ”  ซึ่งแปลวาแตกตาง และคําวา “จารี”  ที่
                               แปลงมาจากคําวา “จารีต“ เมื่อมารวมกันเปนอัญจารี จึงหมายถึง “แนวทางที่
                               แตกตาง”

                                     สมาชิกผูรวมกอตั้งกลุมอัญจารีคนหนึ่งเลาถึงความเปนมาของคําวา
                               “หญิงรักหญิง“ ซึ่งเปนคําที่กลุมอัญจารีนํามาใชในการรณรงควา เกิดจาก
                               ความพยายามในการคิดหาคํานิยามความเปนตนเอง หรือความเปนผูหญิง

                               ที่รักเพศเดียวกันที่ฟงดูเปนกลางๆ ไมแฝงนัยไปในเชิงที่กอใหเกิดอคติทางเพศ และ
                               เนนวาควรเปนคําในภาษาไทย เพราะจะไดไมรูสึกวาการที่ผูหญิงรักเพศเดียวกัน
                               เปนเรื่องการเลียนแบบหรือรับเอาคานิยมความคิดความเชื่อเรื่องเพศมาจาก
                               ตะวันตก ในชวงเวลานั้นคํานิยามตัวตนทางเพศแบบผูหญิงที่รักเพศเดียวกัน

                               เทาที่มีอยู ถาไมใชคําซึ่งใชทับศัพทในภาษาอังกฤษอยางคําวา “เลสเบี้ยน”
                               (Lesbian) ซึ่งเปนคําที่มาพรอมกับชุดการอธิบายความรูดานจิตวิทยาแบบเกาที่
                               มองวาเรื่องการรักเพศเดียวกันเปนความผิดปกติทางจิต หรือเปนความเบี่ยงเบน

                               ทางเพศ หรือไมก็ชวนใหคิดถึงภาพในหนังเอ็กซที่แสดงถึงการรวมเพศระหวาง
                               ผูหญิงกับผูหญิง ซึ่งทําขึ้นเพื่อตอบสนองจินตนาการทางเพศของผูชมที่เปนผูชาย
                               ก็จะเปนแคคําเรียกหญิงรักหญิงอยางเฉพาะเจาะจงเปนกลุมๆ ไป เชน คําวา
                               “ทอม” และ “ดี้”  ซึ่งไมครอบคลุมไปถึงหญิงรักหญิงทุกกลุม

                                     คําวา “หญิงรักหญิง” จึงเกิดขึ้นมาภายใตแนวคิดการนิยามตัวตนดวย
                               คําภาษาไทยซึ่งมีความหมายตรงไปตรงมา ฟงดูเปนกลาง ปราศจากอคติ

                               ทางเพศ ครอบคลุมความเปนหญิงรักหญิงหลากหลายกลุม และไมเนนไปที่
                               พฤติกรรมทางเพศสัมพันธเพียงอยางเดียว และทางกลุมอัญจารีก็ไดใชคําๆ นี้
                               ทั้งในการสื่อสารภายในกลุมหญิงรักหญิงเอง และรณรงคกับสาธารณะมาโดย
                               ตลอด ซึ่งก็ดูเหมือนวาจะไดรับตอบรับเปนอยางดีในระดับหนึ่ง ในแงที่สื่อมวลชน

                               ไดรับเอาคําๆ นี้ไปใชกันอยางแพรหลาย


                                 ใหบุคคลที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศเขาเรียนในสถาบันราชภัฏ กลุมอัญจารีก็ไดขยายขอบเขตของ
                                 การทํางาน จากที่เคยเคลื่อนไหวแตเฉพาะในประเด็นเรื่องสิทธิของหญิงรักหญิง มาเปนการเคลื่อนไหว
                                 เพื่อสิทธิของกลุมบุคคลที่รักเพศเดียวกันทั้งชายและหญิง กลุมอัญจารีไดเปดตัวอยางเปนทางการ
                                 ครั้งแรกดวยการเขียนจดหมายแนะนํากลุมไปลงในคอลัมนของ “โก ปากน้ํา” ในนิตยสาร “แปลก”
                                 ซึ่งเปนนิตยสารฉบับแรกๆ ของไทยที่มีคอลัมนเกี่ยวกับเกย ทอม ดี้ พ.ศ. 2536.


                                                         สุไลพร  ชลวิไล
   178   179   180   181   182   183   184   185   186   187   188