Page 90 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะนโยบายหรือมาตรการเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของผู้สูงอายุ: กรณีการเลือกปฏิบัติในผู้สูงอายุ
P. 90
32 | รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ (Final Report)
จากหลักการข้างต้น จะเห็นได้ว่า แนวคิดการเลือกปฏิบัติยังคงบัญญัติอยู่ในมาตรา 30 โดยน า
แนวคิดความเสมอภาคระหว่างเพศ แนวคิดการเลือกปฏิบัติมาจากรัฐธรรมนูญฉบับปี พุทธศักราช 2540 แต่มี
43
การเพิ่มเติมเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติใหม่เช่น ความพิการ
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญฉบับปี พุทธศักราช 2540 พบว่า การวาง
หลักเกี่ยวกับความเสมอภาคและการเลือกปฏิบัติของรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับรัฐธรรมนูญฉบับ
ปี พุทธศักราช 2540 กล่าวคือ ก าหนดความเท่าเทียมกันไว้เป็นหลัก โดยก าหนดการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม
ไว้ว่าเป็นสิ่งซึ่งขัดต่อหลักความเท่าเทียมกันดังกล่าว และก าหนดยกเว้นการกระท าบางอย่างซึ่งมีลักษณะของ
มาตรการที่ปฏิบัติแตกต่างกันต่อบุคคล แต่เป็นไปเพื่อส่งเสริมให้บรรลุวัตถุประสงค์ความเท่าเทียมกันว่าไม่เป็น
การเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม โดยนัยดังกล่าวสะท้อนถึงแนวคิดการจ าแนกความแตกต่างของ “การปฏิบัติที่
แตกต่างกันต่อบุคคล” (Differential treatment) ออกเป็น “การเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม” และ “การ
กระท าที่ไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ” ซึ่งอาจเรียกโดยพิจารณาความหมายตรงข้ามกันกับการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็น
ธรรมว่า “การเลือกปฏิบัติที่เป็นธรรม” แม้ว่าค านี้จะไม่มีก าหนดไว้ในรัฐธรรมนูญก็ตาม
ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ก็ยังคงบัญญัติรับรองหลักความเสมอ
ภาคและการห้ามเลือกปฏิบัติ ดังนี้
มาตรา 4 ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความ
คุ้มครอง ปวงชนชาวไทยย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญเสมอกัน
มาตรา 27 บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพและได้รับความคุ้มครองตาม
กฎหมายเท่าเทียมกัน ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน
การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องถิ่นก าเนิด เชื้อชาติ
ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม
ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
หรือเหตุอื่นใด จะกระท ามิได้
มาตรการที่รัฐก าหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิหรือเสรีภาพได้
เช่นเดียวกับบุคคลอื่น หรือเพื่อคุ้มครองหรืออ านวยความสะดวกให้แก่เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ หรือ
ผู้ด้อยโอกาส ย่อมไม่ถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตามวรรคสาม
จากหลักการที่รัฐธรรมนูญฉบับปี พุทธศักราช 2560 จะเห็นได้ว่าไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยยะ
ส าคัญกับรัฐธรรมนูญฉบับปี พุทธศักราช 2550 กล่าวคือ มีการบัญญัติรับรองหลักความเสมอภาคไว้ในมาตรา
4 หมวดทั่วไป แต่มีการรวมบทบัญญัติมาตรา 4 และมาตรา 5 เดิม เข้าไว้เป็นมาตรา 4 เพียงมาตราเดียว โดย
มาตรา 5 เดิมซึ่งบัญญัติว่า “ประชาชนชาวไทยไม่ว่าเหล่าก านิด เพศ หรือศาสนาใด ย่อมอยู่ใน ความคุ้มครอง
43 จาก เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 (น. 23), โดย คณะกรรมการวิสามัญบันทึก
เจตนารมณ์ จดหมายเหตุ และตรวจรายงานการประชุม สภาร่างรัฐธรรมนูญ, 2551, ใน รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์เรื่อง
กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ. เล่มเดิม. (น. 222).