Page 187 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะนโยบายหรือมาตรการเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของผู้สูงอายุ: กรณีการเลือกปฏิบัติในผู้สูงอายุ
P. 187

โครงการศึกษาวิจัยเพื่อจัดท าข้อเสนอแนะนโยบายหรือมาตรการเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของผู้สูงอายุ :1111
                                                                    กรณีการเลือกปฏิบัติในผู้สูงอายุ | 129

               จ าเลยไปยังโจทย์ และกลับไปที่จ าเลยในกรณีของอายุตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1970s ในปัจจุบัน ค าพิพากษาใน

               กรณี 2005 Smith v. City of Jackson ได้ติดสินว่า “ไม่เป็นการเพียงพอในการกล่าวหาว่ามีผลกระทบที่
               แตกต่างต่อคนงาน หรือ ชี้ไปที่นโยบายที่เป็นกลาง ๆ ว่าน าไปสู่ผลกระทบดังกล่าว นายจ้างจะต้องเป็นฝ่าย
               รับผิดชอบต่อการแยก (Isolating) และก าหนดการปฏิบัติในการจ้างงานเฉพาะที่ท าให้เกิดความแตกต่างโดยใช้
               ข้อมูลสถิติ” แสดงให้เห็นว่า ภาระพิสูจน์ ตกอยู่กับจ าเลยหรือนายจ้าง


                         (3) กระบวนการ (Procedure)
                         ถ้ามลรัฐมีกฎหมายการเลือกปฏิบัติต่ออายุของตนเอง ADEA ก าหนดให้ผู้ร้องเรียนแจ้งต่อ
               ส านักงานการปฏิบัติการจ้างงานอย่างยุติธรรมประจ ารัฐ (the State Fair Employment Practices (FEP)

               Office) ภายใน 300 วันจากการเกิดเหตุการณ์ ในบางมลรัฐที่ไม่มีกฎหมายของตนเอง ผู้ร้องเรียนต้องแจ้งต่อ
               ส านักงานรัฐบาลกลาง EEOC ภายใน 180 วัน EEOC สามารถจะไม่รับค าร้องเรียนได้ ซึ่งในกรณีนั้น ผู้ร้องเรียน
               อาจจะต่อเรื่องในฐานะการกระท าพลเมืองไปยังศาลได้ (the claimant may persue a civil action in

               court) เพื่อขอการไกล่เกลี่ย (settle or mediate) ถ้าการขอไกล่เกลี่ยไม่ส าเร็จ EEOC ก็จะสามารถฟ้องร้อง
               หรือถ้าเลือกจะไม่ฟ้องร้อง ผู้ร้องเรียนอาจจะฟ้องร้องเอง กรณีการเลือกปฏิบัติในการจ้างงานกว่า ร้อยละ 95
               เป็นการน าเรื่องฟ้องร้องโดยทนายส่วนตัว (by private attorneys) ไม่ใช่ EEOC และในจ านวนกรณีฟ้องร้อง
               ในศาลรัฐบาลกลางส าหรับการเลือกปฏิบัติในการจ้างงาน ร้อยละ 92 ไม่เคยเข้าสู่การพิจารณาความในศาล
                         ถ้ากรณีเข้าสู่การพิจารณาความในศาล ในตอนแรกโจทย์จะต้องแสดงหลักฐานในการถูกกระท าที่

               แตกต่าง (evidence of disparate treatment) กล่าวคือ การมีสาเหตุจูงใจที่น าไปสู่การเลือกปฏิบัติเนื่องจาก
               อายุ ถ้ามีหลักฐานใด ๆ มาแสดง ประเภทของหลักฐานที่มักจะใช้กันเป็นปกติในการเลือกปฏิบัติโดยตรง คือ
               ข้อความค าพูดเกี่ยวกับความล าเอียงทางอายุในนโยบายของบริษัท ถ้าไม่มีหลักฐานโดยตรงในการเลือกปฏิบัติ
               โจทย์สามารถแสดงว่าเขาอยู่ในช่วงอายุที่ได้การคุ้มครอง ได้รับความทุกข์จากปฏิกิริยาในทางลบ (suffered an

               adverse reaction) ได้ท างานตามที่นายจ้างคาดหวังให้ท าในการท างานได้ส าเร็จ และถูกทดแทนการจ้างงาน
               ต่อจากนั้นจ าเลยจะเป็นผู้เสนอเกี่ยวกับการยกเว้นหรือการแก้ต่าง สุดท้าย โจทย์ต้องพยายามแสดงว่าการแก้
               ต่างนี้ไม่จริง (plainfiff attempts to establish that this defense is untrue)


                         (4) ผลกระทบของกฎหมาย
                         กฎหมายที่คุ้มครองคนจากการเลือกปฏิบัติต่ออายุ สามารถส่งผลทั้งทางบวกและทางลบ
               กฎหมายใดก็ตามที่เข้าไปควบคุมการตัดสินใจของตลาดเสรี สามารถส่งผลทางลบต่อประสิทธิภาพของสถาน
               ประกอบการ ในกรณีนี้ คือการกีดกันนายจ้างในการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพในการรับคนเข้าท างาน

               (Hiring) และการปลดคนงาน อย่างไรก็ตาม ถ้ากฎหมายท าการซ่อมแซม/ปรับปรุงความล้มเหลวของตลาด เช่น
               การเกิดการเลือกปฏิบัติจากทัศนคติที่ไม่ถูกต้อง การขาดข้อมูล หรือความชอบในการเลือกปฏิบัติ ก็จะช่วยท า
               ให้ประสิทธิภาพในการผลิตของสถานประกอบการดีขึ้น ผลิตภาพโดยรวมของเศรษฐกิจอาจจะเพิ่มขึ้น
   182   183   184   185   186   187   188   189   190   191   192