Page 67 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2565
P. 67

รายงานผลการประเมินสถานการณ์   65
                                                                           ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี  2565



                 ท�างานจ�านวน 6 ค�าร้อง  และมีรายงานผลการตรวจสอบ
                                    244
                 อันเกี่ยวเนื่องกับการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมด้วยเหตุ    ปี 2565 ยังคงพบปัญหาการจ้างงานที่ให้
                 แห่งสุขภาพของผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดย กสม.    ผู้สมัครเข้าทำางานต้องถูกบังคับให้ตรวจเลือดหา

                 มีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่สร้างความรู้   เชื้อเอชไอวีก่อนเข้าทำางานอันเป็นการเลือกปฏิบัติ
                 ความเข้าใจให้ผู้ประกอบการด�าเนินการตามประกาศ       ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามาตรการของรัฐต่อการเลือกปฏิบัติ
                 กระทรวงแรงงาน ลงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 เรื่อง     ต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวียังไม่บรรลุผลสำาเร็จเท่าที่ควร

                 การป้องกันและบริหารจัดการด้านเอดส์ในสถานประกอบ    และยังคงพบปัญหาการเลิกจ้างโดยไม่เป็นไปตามกฎหมาย
                 กิจการ โดยเฉพาะการยกเลิกการบังคับตรวจหาเชื้อเอชไอวี   แรงงานซึ่งมีการร้องเรียนมายัง กสม. ในส่วนของการ
                 ก่อนรับเข้าท�างาน  และกรณีระเบียบการจ่ายเงินสวัสดิการ   เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ
                               245
                 รักษาพยาบาลของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งมีการเลือกปฏิบัติ   ฉบับที่ 87 และ 98 ขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมาย
                 ต่อผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อเอชไอวี กสม. มีข้อเสนอแนะให้   ภายในให้สอดคล้องกับอนุสัญญาฯ  และที่ผ่านมา
                 มหาวิทยาลัยแก้ไขหรือยกเลิกระเบียบดังกล่าว และให้ อว.    กระบวนการแก้ไขกฎหมายมีระยะเวลาที่ยาวนานส่งผล
                 แจ้งให้มหาวิทยาลัยในสังกัดแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ    ต่อสิทธิของแรงงานที่จะได้รับการคุ้มครองจากการเข้าเป็น

                                                             246
                 ระเบียบ หรือค�าสั่งใด ๆ ที่ลิดรอนสิทธิผู้ป่วยโรคเอดส์ด้วย
                                                                   ภาคีอนุสัญญาดังกล่าว นอกจากนี้ ยังคงพบปัญหา
                 กำรประเมินสถำนกำรณ์สิทธิมนุษยชน                   การบังคับให้ตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวีก่อนเข้าท�างาน
                                                                   อันเป็นการเลือกปฏิบัติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามาตรการ
                        ในปี 2565 จ�านวนแรงงานในระบบประกันสังคม    ของรัฐต่อการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวียังไม่บรรลุ
                 มาตรา 33 เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าสองปีที่ผ่านมา จากการ  ผลส�าเร็จเท่าที่ควร ทั้งนี้ กสม. ได้มีข้อเสนอแนะให้

                 ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด 19 รวมถึงการเพิ่ม   หน่วยงานที่มีหน้าที่สร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้ประกอบการ
                 มาตรการส่งเสริมการจ้างงานและฝึกทักษะฝีมือแรงงาน    ด�าเนินการตามมาตรการป้องกันและบริหารจัดการ
                 นอกจากนี้ รัฐบาลได้พยายามให้แรงงานมีมาตรฐาน       ด้านเอดส์ในสถานประกอบกิจการ โดยเฉพาะการให้

                 การครองชีพที่ดีขึ้นโดยเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับแรงงาน    ยกเลิกการตรวจหาเชื้อเอชไอวีก่อนรับเข้าท�างาน และควร
                 ทั้งการคุ้มครองลูกจ้างเหมาบริการ การเพิ่มวันลาคลอดบุตร    ด�าเนินการแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
                 การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต�่า ซึ่งสอดคล้องกับกติกา ICESCR   ให้ครอบคลุมถึงการคุ้มครองสิทธิของผู้ติดเชื้อเอชไอวี
                               248
                      247
                 ข้อ 6  ข้อ 11  นอกจากนี้ เมื่อเดือนตุลาคม 2565    โดยก�าหนดให้การบังคับตรวจหาเชื้อเอชไอวีก่อนรับ
                 รัฐบาลได้ยกเลิกประกาศกระทรวงแรงงาน  เรื่อง        เข้าท�างานหรือขณะท�างานเป็นเรื่องที่ขัดต่อกฎหมาย 249
                 ให้ข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้เข้าสู่การชี้ขาดของ
                 คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์และห้ามนายจ้างปิดงานหรือ   ข้อเสนอแนะในกำรส่งเสริมและคุ้มครอง
                 ลูกจ้างนัดหยุดงานในระหว่างประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน   สิทธิมนุษยชน
                 และกลับไปใช้กลไกปกติตาม พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.

                 2518 ซึ่งสอดคล้องกับกติกา ICESCR ข้อ 8 ที่รับรองสิทธิ     กสม. เห็นควรมีข้อเสนอแนะ ดังนี้
                 ในการนัดหยุดงาน
                                                                           1)  รัฐบาลและรัฐสภาควรเร่งรัดการแก้ไข
                        อย่างไรก็ตาม ยังคงเป็นความท้าทายของรัฐ     กฎหมายแรงงานสัมพันธ์และแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์

                 ในการส่งเสริมการมีงานท�าและพัฒนาทักษะที่จ�าเป็น   ให้สอดคล้องกับอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่าง
                 ให้แก่แรงงานเพื่อให้คนที่ว่างงานมีงานท�าและกลับเข้าสู่  ประเทศ ฉบับที่ 87 และ 98 เพื่อน�าไปสู่การให้สัตยาบัน
                 ระบบประกันสังคมมาตรา 33 เพื่อให้ได้รับความคุ้มครอง   อนุสัญญาดังกล่าว











        001-234 V9 CS6.indd   65                                                                                   3/14/23   8:40 PM
   62   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72