Page 40 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ สิทธิชุมชนในการจัดสรรทรัพยากรน้ำโดยใช้แนวทางสันติวิธี : กรณีศึกษาพื้นที่ต้นน้ำของประเทศไทย
P. 40
28
ตะกอนและชะลอการไหลของน้้า มีป่าสะดือป้องกันการตัดไม้ท้าลายป่าต้นน้้า ทั้งนี้ เครือข่ายลุ่มน้้า
แม่ละอุปมีกฎ กติกาในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและแบ่งพื้นที่ใช้ประโยชน์ แบ่งการใช้น้้า
ของล้าห้วยต่าง ๆ เพื่อใช้อุปโภค บริโภค และท้าการเกษตรอย่างชัดเจน ได้แก่ ห้วยแม่ละอุปใช้ท้า
การเกษตร ห้วยหล่าขลื่อโล๊ะใช้บริโภค และห้วยทอกลอโกล๊ะเป็นแหล่งเรียนรู้เส้นทางศึกษาธรรมชาติ
รวมทั้งยังคงรักษาเส้นทางน้้าหรือล้าเหมืองเดิมเพื่อน้าน้้าเข้าพื้นที่นา และมีปริมาณน้้าเพียงพอใช้ท้า
โรงสีข้าวพลังงานน้้า จากผลการด้าเนินการดังกล่าวท้าให้เครือข่ายลุ่มน้้าแม่ละอุปได้รับรางวัลรอง
ชนะเลิศ การประกวดการจัดการทรัพยากรน้้าชุมชน ตามแนวพระราชด้าริในปี พ.ศ. 2551 (สถาบัน
สารสนเทศทรัพยากรน้้าและการเกษตร (องค์การมหาชน), 2557)
2.5 ตัวอย่างการจัดการทรัพยากรธรรมชาติด้วยชุมชนตามแนวทางสันติวิธี
จากการตระหนักถึง “สิทธิชุมชน” ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
2560 ที่ช่วยส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพให้มีผลในทางปฏิบัติ และ
บทบาทของชุมชนท้องถิ่นในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงกับทรัพยากรธรรมชาตินั้น ๆ ทดแทนการ
บริหารบ้านเมืองแบบบนลงล่างที่นโยบายการตัดสินใจมาจากส่วนกลางซึ่งไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาความ
เสื่อมโทรมของทรัพยากรและแก้ไขความขัดแย้งต่าง ๆ ลงได้ รัฐจึงตระหนักถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน
ในการจัดการทรัพยากร และให้ประโยชน์แก่ชุมชนในการเข้าถึงฐานทรัพยากรอย่างยุติธรรม และ
ยอมรับความสามารถของชุมชนในการจัดการทรัพยากรเหล่านั้น นอกจากสิทธิชุมชนที่ได้รับการ
คุ้มครองจากรัฐธรรมนูญฯ แล้ว ภายใต้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ
(Sustainable Development Goals - SDGs) ตามข้อก้าหนดของสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยได้เข้า
ร่วมลงนามโดยเป็น 1 ใน 48 ประเทศแรกที่ให้การรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
(Universal Declaration of Human Rights) ส่งผลให้ประเทศไทยได้ประกาศใช้ แผนสิทธิมนุษยชน
แห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2562 - 2565) ซึ่งให้ความส้าคัญต่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึง
ทรัพยากรน้้าที่ก้าหนดให้พัฒนาระบบการจัดการน้้าให้เพียงพอและยั่งยืนโดยมุ่งส่งเสริมการสร้างจิตส้านึก
และความเข้มแข็งของชุมชนและปัจเจกบุคคลในการจัดการแหล่งน้้าและบ้าบัดน้้าเสีย (กรมคุ้มครอง
สิทธิและเสรีภาพ, 2562) ดังกล่าวจึงก่อให้เกิดการขับเคลื่อนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติโดยชุมชน
ท้องถิ่นขึ้นในหลายภูมิภาคของประเทศไทยด้วยรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่รูปแบบการจัดการที่นิยม
น้ามาใช้และสามารถพบเห็นได้ในการศึกษาวิจัยโดยทั่วไป คือ การจัดการตามหลักสันติวิธีที่สามารถ
ลดข้อขัดแย้งได้อย่างเป็นธรรมหรือเป็นที่ยอมรับแก่คู่กรณีทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ ตัวอย่างงานวิจัยด้านการ
จัดการทรัพยากรธรรมชาติด้วยชุมชนตามหลักสันติวิธี เช่น