Page 184 - รายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ 3 (วันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ถึง 25 พฤษภาคม 2564)
P. 184
สิทธิเกษตรกรมากขึ้น ทั้งนี้ หากรัฐบาลจะด�าเนินนโยบาย ๓) ข้อเสนอแนะ ที่ ๓/๒๕๖๑ กรณีการกำาหนดพื้นที่
ด้านพลังงานโดยใช้ประโยชน์จากที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ในการทำากิน การอยู่อาศัย และการดำาเนินวิถีชีวิต
โดยการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดิน ของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงและชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม
เพื่อเกษตรกรรมฯ ก็จะเป็นกระบวนการที่ชัดเจน ในเขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตอุทยานแห่งชาติ
และเป็นไปตามหลักในการตรากฎหมาย ซึ่งต้องใช้ สืบเนื่องจากข้อเสนอแนะ ที่ ๑/๒๕๖๐ ซึ่งได้เสนอแนะ
หลักนิติธรรม กสม. เห็นว่ารัฐมีอ�านาจในการจัดการ แก้ไขปัญหาพื้นที่ทับซ้อนของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง
ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน หากรัฐสามารถแสดงให้เห็นว่า และชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมที่อาศัยบนพื้นที่สูงของ
ได้ด�าเนินการในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินตามเจตนารมณ์ ประเทศไทยในหลายพื้นที่ซึ่งกล่าวอ้างว่า ได้ตั้งถิ่นฐาน
ของพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม มาก่อนการประกาศสงวนหวงห้ามเป็นป่าไม้ตามกฎหมาย
รายงานผลการดำาเนินงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ ๓
พ.ศ. ๒๕๑๘ แล้ว รวมถึงการพิสูจน์ให้เห็นว่ามี และพื้นที่อนุรักษ์ และการสงวนหวงห้ามพื้นที่ของ
ความได้สัดส่วนระหว่างการคุ้มครองสิทธิของเกษตรกร ภาครัฐ ท�าให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงและ
กับประโยชน์ส่วนรวมของรัฐในการอนุญาตให้เอกชน ชุมชนกลุ่มท้องถิ่นดั้งเดิมได้รับผลกระทบต่อวิถีชีวิต
เข้าท�ากิจการอื่น ดั้งเดิมที่สืบทอดจนถึงปัจจุบัน และประสบปัญหา
ขาดแคลนพื้นที่ท�ากิน จนน�าไปสู่การจับกุม ไล่รื้อ ท�าลาย
สำ�นักง�นคณะกรรมก�รสิทธิมนุษยชนแห่งช�ติ
กสม. จึงเห็นควรมีข้อเสนอแนะไปยังคณะรัฐมนตรี ทรัพย์สิน และด�าเนินคดีในชั้นศาล โดยเจ้าหน้าที่
ดังนี้ (๑) ควรเสนอให้ คสช. พิจารณาทบทวนค�าสั่ง ด�าเนินการไม่สอดคล้องตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
หัวหน้า คสช. ที่ ๓๑/๒๕๖๐ ให้สอดคล้องต่อหลักการ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๓ เรื่อง แนวนโยบายและหลักปฏิบัติ
คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ตามรัฐธรรมนูญ ในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง กสม. จึงเห็นควรเสนอแนะ
แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๓ ให้มุ่งเน้นนโยบายเชิงป้องกันเพื่อการอนุรักษ์และ
วรรคสอง และมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง (๒) ควรเสนอให้ คสช. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนเป็นหลัก
พิจารณาทบทวนค�าสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๓๑/๒๕๖๐ ข้อ ๘ ในทุกขั้นตอน ให้มีการยกระดับมาตรฐานเชิงกระบวนการ
เนื่องจากการแก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อ เพื่อพิสูจน์สิทธิการถือครองที่ดินโดยผ่านกลไกการมี
รองรับกิจการอื่นที่มิใช่เกษตรกรรม จะท�าให้เจตนารมณ์ของ ส่วนร่วมของชุมชนซึ่งมีส่วนได้เสียโดยตรง เพื่อจัดการ
กฎหมายปฏิรูปที่ดินเปลี่ยนแปลงไป หากรัฐต้องการใช้พื้นที่ ปัญหาข้อพิพาทร่วมกับหน่วยงานของรัฐในเชิงสร้างสรรค์
ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อกิจการอื่นอันเป็นประโยชน์ส�าคัญ (Constructive Dialogue) การเสนอแนะให้น�าหลักการ
ของชาติโดยรวม สมควรใช้วิธีเพิกถอนที่ดินบริเวณนั้น ให้ฉันทานุมัติที่เป็นอิสระแจ้งล่วงหน้า และโดยความยินยอม
ออกจากการเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน โดยการตราเป็น (Free, Prior, Inform and Consented - FPIC) มาใช้เป็น
พระราชกฤษฎีกา (๓) ควรก�าหนดมาตรการในการพิจารณา ขั้นตอนก่อนด�าเนินกิจกรรมของรัฐที่มีผลเปลี่ยนแปลง
ให้ความยินยอมการเข้าท�าประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูป โยกย้าย หรือสูญเสียที่ดินหรือทรัพยากรอื่น ๆ จนอาจ
ที่ดินของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎกระทรวงและ กระทบอย่างรุนแรงต่อวิถีชีวิตและมาตรฐานการด�ารงชีพ
ระเบียบที่ออกตามค�าสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๓๑/๒๕๖๐ ของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงและชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม
โดยต้องด�าเนินกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนและ การสนับสนุนการด�าเนินโครงการป่าชุมชน ตลอดจน
เกษตรกรที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ตามบัญญัติมาตรา ๕๗ และ ๕๘ เสนอแก้ไขพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ โดยเพิ่มหลักการมีส่วนร่วมของชุมชนในการก�าหนดเขต
ก่อนอนุญาตเข้าท�าประโยชน์ รวมทั้งควรก�าหนดหลักเกณฑ์ อุทยานแห่งชาติ และการจ�าแนกเขตการจัดการส�าหรับ
การชดเชยเยียวยาที่ชัดเจนและคุ้มครองสิทธิของเกษตรกร พื้นที่คุ้มครอง (Zoning) โดยเฉพาะประเภทเขต
ที่ได้รับผลกระทบอย่างรอบด้าน และ (๔) ควรก�าหนดให้ การใช้ประโยชน์แบบวิถีดั้งเดิม
การออกกฎกระทรวง และระเบียบเพื่อปฏิบัติตามค�าสั่ง
หัวหน้า คสช. ที่ ๓๑/๒๕๖๐ ด�าเนินการตามกระบวนการ ผลการด�าเนินการ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
ตามมาตรา ๕๗ มาตรา ๕๘ และมาตรา ๗๗ รัฐธรรมนูญ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ รับทราบการรายงานผลการพิจารณา
แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ต่อข้อเสนอแนะนี้แล้ว จากการเสนอของกระทรวง
182