Page 183 - รายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ 3 (วันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ถึง 25 พฤษภาคม 2564)
P. 183
๒) ข้อเสนอแนะ ที่ ๕/๒๕๖๐ เรื่อง ข้อเสนอแนะ การรับรองตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อ
มาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครอง เกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ ดังนี้ ในการด�าเนินนโยบายของรัฐ 1
สิทธิมนุษยชน รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมาย กรณี เพื่อให้สามารถน�าที่ดินซึ่งรัฐเห็นว่าไม่เหมาะสมกับ
คำาสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ การท�าเกษตรไปให้เอกชนประกอบกิจการอื่นซึ่งเป็น 2
ที่ ๓๑/๒๕๖๐ เรื่อง การใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ประโยชน์สาธารณะของประเทศ ควรต้องค�านึงถึง
ตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ความจ�าเป็นตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่ง 3
ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรและประโยชน์ ราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗
สาธารณะของประเทศ ซึ่งควรพิจารณาถึงความได้สัดส่วนในการออกค�าสั่ง
สืบเนื่องจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หัวหน้า คสช. ที่ ๓๑/๒๕๖๐ กับการกระทบต่อสิทธิและ 4
(คสช.) มีค�าสั่ง ที่ ๓๑/๒๕๖๐ เรื่อง การใช้ที่ดินเพื่อ เสรีภาพของประชาชน ซึ่งหากรัฐใช้วิธีการตามปกติ
เกษตรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อ ในการตรากฎหมายแทนการออกค�าสั่งหัวหน้า คสช. 5
เกษตรกรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรและ ก็จะท�าให้เกิดกระบวนการตรวจสอบให้เกิดความรอบคอบ
ประโยชน์สาธารณะของประเทศ ลงวันที่ ๒๓ มิถุนายน ในการตรากฎหมายที่มีผลกระทบสิทธิและเสรีภาพ
๒๕๖๐ มีสาระส�าคัญว่า ในกรณีมีเหตุจ�าเป็นเพื่อประโยชน์ ของประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญรับรองและคุ้มครองไว้
ด้านพลังงาน การใช้ทรัพยากรธรรมชาติหรือประโยชน์ ส�าหรับผลกระทบต่อสิทธิในทรัพย์สิน ในส่วนของสิทธิ
ส่วนรวมของประเทศ ให้คณะกรรมการปฏิรูปที่ดิน ในการครอบครองและท�ากินของเกษตรกรที่ได้รับ
เพื่อเกษตรกรรมมีอ�านาจพิจารณาให้ความยินยอม การจัดสรรที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินตามพระราชบัญญัติ
หรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินที่ส�านักงานปฏิรูปที่ดิน การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ นั้น กสม.
เพื่อเกษตรกรรมได้มาเพื่อประโยชน์ในการด�าเนินการ เห็นว่า ค�าสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๓๑/๒๕๖๐ น่าจะขัดต่อ
ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เพื่อด�าเนินกิจการอื่น หลักนิติธรรมและหลักประกันสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
นอกเหนือจากที่ก�าหนดในกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูป ที่ถือว่าใครครอบครองท�าประโยชน์ในที่ดินโดยชอบ
ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม อันกระทบต่อเจตนารมณ์ ย่อมมีสิทธิท�ากิน อันเป็นหลักส�าคัญของการปฏิรูปที่ดิน
ของพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กรณีนี้จึงน่าจะไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ
พ.ศ. ๒๕๑๘ ที่มีสาระส�าคัญเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินท�ากิน แห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗
ของเกษตรกร จึงเห็นว่าการด�าเนินการตามค�าสั่งหัวหน้า หลักสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
คสช. ที่ ๓๑/๒๕๖๐ อาจมีผลกระทบต่อสิทธิในที่ดินท�ากิน พุทธศักราช ๒๕๖๐ และหลักสิทธิมนุษยชนตามกติกา ICESCR
ของเกษตรกรที่ได้รับการจัดสรรที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน และผลกระทบต่อสิทธิของเกษตรกรตามพระราชบัญญัติ ผลการดำาเนินงานที่สำาคัญ
ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ กสม. เห็นว่า
พ.ศ. ๒๕๑๘ ค�าสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๓๑/๒๕๖๐ กระทบต่อเจตนารมณ์
ของพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯ
กสม. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การอนุญาตให้เอกชน ที่มุ่งคุ้มครองการด�ารงชีวิตของเกษตรกรซึ่งไม่มีที่ดิน
เข้าท�าประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อประกอบกิจการ ท�ากินหรือมีแต่ไม่เพียงพอ เพื่อให้สามารถด�ารงชีวิต
ด้านพลังงาน หรือเพื่อการเหมืองแร่ ซึ่งเป็นรายย่อย อยู่ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน สิทธิ
เฉพาะรายยังไม่สามารถเชื่อมโยงกับแนวทางการปฏิรูป ดังกล่าวอาจถูกจ�ากัดได้ แต่ควรท�าเฉพาะเท่าที่จ�าเป็น
ประเทศทั้งด้านการปฏิรูปเกษตรกรรมหรือปฏิรูปพลังงานได้ อย่างยิ่ง การออกค�าสั่งหัวหน้า คสช. ดังกล่าว จะท�าให้
ทั้งการปฏิรูปพลังงานไม่อาจเกิดได้จากการส่งเสริมให้ ดุลยภาพของกฎหมายเปลี่ยนแปลงไป และไม่สามารถ
ผู้ประกอบการผลิตพลังงานหมุนเวียนขึ้นทดแทนพลังงาน ด�ารงเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดิน
ฟอสซิล แต่น่าจะอยู่ที่ความรับผิดชอบในการมีส่วนร่วม เพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ ไว้ได้อีกต่อไป และ
ผลิตพลังงาน จึงพิจารณาได้ยากว่าค�าสั่งหัวหน้า คสช. การที่ค�าสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๓๑/๒๕๖๐ ให้อ�านาจในการ
ที่ ๓๑/๒๕๖๐ เป็นไปเพื่อปฏิรูปพลังงาน และเนื่องจาก ออกกฎกระทรวง และระเบียบ จึงมีผลเป็นการให้อ�านาจ
ค�าสั่งดังกล่าวมีผลกระทบต่อสิทธิของเกษตรกรที่ได้รับ เพิ่มเติมจากค�าสั่งหัวหน้า คสช. ซึ่งอาจขยายไปกระทบ
181