Page 181 - รายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ 3 (วันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ถึง 25 พฤษภาคม 2564)
P. 181

กสม. ชุดที่ ๓ ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยมุ่งหมายที่จะ  และรัฐท�าการตรวจสอบการถือครองที่ดินของประชาชน
              ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบ   จึงพบว่ามีประชาชนที่ถือครองที่ดินของรัฐโดยไม่มีเอกสาร  1
              ให้ความส�าคัญในการด�าเนินงานด้วยการประสานและ สิทธิและไม่รับอนุญาตตามกฎหมาย เพื่อใช้ท�าการเกษตร
              แสวงหาความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐ องค์กรเอกชน  และสร้างที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดินที่เป็นพื้นที่ป่าไม้   2
              และภาคประชาชน ตลอดระยะเวลาการด�ารงต�าแหน่ง   หรือพื้นที่อนุรักษ์ตามกฎหมาย และที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติ
              ได้ก�าหนดประเด็นส�าคัญหรือพื้นที่ส�าคัญในการปฏิบัติงาน  ของแผ่นดิน รัฐจึงมีนโยบายทวงคืนที่ดินให้กลับมาอยู่  3
              ประจ�าปีด้านสิทธิมนุษยชน ส�าหรับเป็นกรอบการด�าเนินงาน  ในความดูแลของรัฐ โดยไล่รื้อและด�าเนินคดีอาญากับ

              ในปีนั้นไว้ในแผนปฏิบัติงานประจ�าปีงบประมาณ ประกอบด้วย   ผู้ครอบครองที่ดินที่ถูกก�าหนดให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์และ
              ๑) การจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติ ที่ดิน ป่าไม้ สิทธิชุมชน  ที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ท�าให้เกิดข้อพิพาท   4
              ๒) ธุรกิจและสิทธิมนุษยชน ๓) การปฏิบัติที่เป็นธรรม  กับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ภาครัฐด�าเนินการ
              ต่อกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิ สตรี   ตามมาตรการทวงคืนผืนป่าตามค�าสั่ง คสช. ที่ ๖๔/๒๕๕๗   5
              ๔) สิทธิในกระบวนการยุติธรรม ๕) สถานการณ์ความไม่สงบ  ลงวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ และที่ ๖๖/๒๕๕๗ ลงวันที่
              ในจังหวัดชายแดนใต้ ๖) ผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน  ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ มีประชาชนหลายพื้นที่ร้องเรียน
              ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙   โดยมักอ้างว่าถูกภาครัฐขับไล่ให้ออกจากที่ดินซึ่งตนครอบ
              (Covid-19) และ ๗) เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น  ครองท�าประโยชน์เป็นเวลานาน ซึ่งสามารถจ�าแนกปัญหา
              การพูด การโฆษณา และเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ  ที่ดินทับซ้อนที่มีการร้องเรียนได้เป็น ๓ กลุ่มหลัก ได้แก่

              ในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง รวมทั้งได้จัดท�าและเผยแพร่  กลุ่มปัญหาที่ดินท�ากินทับซ้อนกับเขตป่าไม้ตามกฎหมาย
              ข้อเสนอแนะบางกรณีที่ส�าคัญ อันอาจน�าไปสู่การเปลี่ยนแปลง  และพื้นที่อนุรักษ์ กลุ่มปัญหาที่ดินของชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์
              ในระดับนโยบาย  หรือการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย  (Ethnic and Local Traditional Group) และกลุ่มปัญหา
              ให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน ตลอดจนเพื่อเป็น  การครอบครองที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน
              การส่งเสริม การป้องกันและแก้ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน
              ในประเทศไทย                                         จากการตรวจสอบพบว่า ปัญหาในพื้นที่ป่าไม้และ
                                                               พื้นที่อนุรักษ์ตามกฎหมาย ทั้งในส่วนที่ทับซ้อนกับพื้นที่ท�ากิน

              ๔.๑ การจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติ  และในส่วนที่เป็นที่ดินของชุมชนชาติพันธุ์ มีสาเหตุหลัก
              ที่ดิน ป่าไม้ สิทธิชุมชน                         มาจากกฎหมายภายในของประเทศไทยก�าหนดให้ที่ดิน

                                                               ที่ไม่มีเอกชนได้กรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตาม
                 ประกอบด้วยการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติอย่าง ประมวลกฎหมายที่ดินเป็น “ป่าไม้” ทั้งหมด โดยไม่ได้       ผลการดำาเนินงานที่สำาคัญ
              เป็นธรรม รวมถึงทรัพยากรที่ดิน ป่าไม้ การมีส่วนร่วม พิจารณาสภาพความเป็นจริงของที่ดิน นอกจากนั้น
              ในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ บทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวกับพื้นที่อนุรักษ์ซึ่งมีโทษ
              สิทธิชุมชน                                       ทางอาญา ยังมี “ข้อกฎหมายปิดปาก” ที่ไม่ยอมให้น�า
                                                               พยานหลักฐานพิสูจน์ข้อเท็จจริงในชั้นศาลว่า ประชาชน
              ๔.๑.๑  การจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติ  ที่ถือครองที่ดินอยู่มาก่อนการประกาศเขตป่าและไม่ได้

              อย่างเป็นธรรม การมีส่วนร่วมในการจัดการ  บุกรุกที่ดินของรัฐ โดยก�าหนดว่า กรณีประชาชนถือครอง
              ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึง ที่ดินมาก่อนการก�าหนดเขตป่าไม้แต่ไม่แจ้งการถือครอง
              ทรัพยากรที่ดิน ป่าไม้                            ภายในก�าหนดระยะเวลา ให้ถือว่าประชาชนสละสิทธิ
                 กสม. ทุกชุดที่ผ่านมา ได้รับเรื่องร้องเรียนจ�านวนมาก ในที่ดินนั้น โดยไม่พิจารณาว่าประชาชนที่อยู่ในพื้นที่
              เกี่ยวกับการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะที่ดิน ห่างไกล ซึ่งในอดีตการคมนาคมและการติดต่อสื่อสาร
              และป่าไม้ ปัญหาส่วนหนึ่งอาจเนื่องจากในทางกฎหมาย  ไม่สะดวก ไม่มีไฟฟ้า และประชาชนไม่รู้หนังสือหรือ
              ที่ดินเป็นทรัพยากรของแผ่นดิน หรือของรัฐเป็นอันดับแรก   รู้ภาษาราชการไทย โดยเฉพาะชุมชนชาติพันธุ์ที่อยู่ในป่า
              โดยก�าหนดโทษอาญาส�าหรับผู้ใช้ที่ดินของรัฐโดยไม่ได้  จะทราบถึงการก�าหนดเขตดังกล่าวหรือไม่ จึงกระทบ

              รับอนุญาต เมื่อที่ดินส่วนใหญ่ในประเทศเป็นของรัฐ   ต่อสิทธิของประชาชน และในส่วนที่ดินที่สงวนหวงห้ามไว้



                                                                                                                 179
   176   177   178   179   180   181   182   183   184   185   186