Page 171 - รายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ 3 (วันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ถึง 25 พฤษภาคม 2564)
P. 171
ประสบการณ์และข้อมูลของ กสม. ในการประชุม HRC ที่กระทบต่อสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง อย่างไรก็ดี กสม.
ในเวทีเครือข่ายสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติระดับโลก ชุดที่ ๓ ได้ด�าเนินการขอเข้ารับการประเมินเพื่อขอเลื่อน 1
ได้แก่ กรอบความร่วมมือระหว่างสถาบันสิทธิมนุษยชน สถานะจาก ‘B’ เป็น ‘A’ เมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๖๑
แห่งชาติในระดับโลก (GANHRI) และในระดับภูมิภาค ด้วยเห็นว่า สาเหตุของการปรับลดสถานะทั้ง ๓ ประการ 2
เอเชีย-แปซิฟิก (Asia Pacific Forum of National กสม. ได้ผลักดันและด�าเนินการในการแก้ไขข้อห่วงกังวล
Human Rights Institutions: APF) โดยในการเข้าร่วม ตามข้อเสนอแนะดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว 3
การประชุม จะมีสิทธิในการออกเสียง (vote) ในข้อตกลง
ต่าง ๆ สามารถส่งผู้แทนเข้าร่วมในคณะท�างาน เช่น ด้วยเหตุดังกล่าว กสม. จึงได้ยื่นเอกสารขอทบทวน
คณะท�างานธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (Working Group on การพิจารณาประเมินสถานะใหม่และ SCA บรรจุค�าขอ 4
Business and Human Rights) ใน GANHRI ตลอดจน ของ กสม. เข้าสู่วาระการประชุมพิจารณาและสัมภาษณ์
การสมัครเป็นกรรมการบริหารของกรอบความร่วมมือ ผู้ท�าหน้าที่แทนประธาน กสม. แบบทางไกลเพื่อประกอบ 5
เหล่านั้นได้ การพิจารณาเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๖๓ ต่อมา เลขานุการ
คณะอนุกรรมการ SCA ได้มีหนังสือถึงประธานกรรมการ
๑.๒) สรุปผลการดำาเนินงานและผลสำาเร็จที่สำาคัญ สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แจ้งมติของ SCA ให้เลื่อน
(๑) กสม. ชุดที่ ๓ ได้เข้าร่วมการประชุมประจ�าปี ตั้งแต่ การพิจารณาการประเมินสถานะของ กสม. ไทยออกไป
ครั้งที่ ๒๙ (พ.ศ. ๒๕๕๙ ) ถึงครั้งที่ ๓๒ (พ.ศ. ๒๕๖๒) เป็นเวลา ๑๘ เดือน ซึ่ง กสม. ได้รับแจ้งว่า เป็นผลที่ดี
ณ ส�านักงานสหประชาชาติ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส มากส�าหรับสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่ขอปรับเลื่อน
และเข้าร่วมการประชุมครั้งที่ ๓๓ (พ.ศ. ๒๕๖๓) ผ่านระบบ สถานะ เนื่องจากจะได้มีเวลาในการแก้ไขข้อห่วงกังวล
การประชุมทางไกลซึ่งเป็นโอกาสส�าคัญที่ กสม. ได้พบปะ ของ SCA ซึ่งมี ๔ ประเด็น ได้แก่ (๑) ความเป็นอิสระ
หารือเพื่อท�าความรู้จัก แลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็น (Independence) SCA มีความกังวลว่า หน้าที่และอ�านาจ
ประสบการณ์ ปัญหาอุปสรรคในการด�าเนินงานและ ตามบทบัญญัติมาตรา ๒๔๗ (๔) ของรัฐธรรมนูญแห่ง
แนวทางแก้ไขกับเพื่อนสมาชิก รวมถึงการหารือกับ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ที่ก�าหนดให้ กสม.
ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับ ต้องชี้แจงและรายงานข้อเท็จจริงที่ถูกต้องโดยไม่ชักช้า
บทบาทของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในเรื่องต่าง ๆ ในกรณีที่มีการรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
และได้รับทราบพัฒนาการใหม่ ๆ จากผลการด�าเนินงาน ในประเทศไทยโดยไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม ซึ่งไม่เคย
ของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทั่วทุกภูมิภาค เพื่อน�า ปรากฏว่ามีสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติใดที่กฎหมาย
บทเรียนความส�าเร็จและแนวปฏิบัติที่ดีจากประสบการณ์ ก�าหนดให้มีหน้าที่ในลักษณะดังกล่าว และบทบัญญัติ ผลการดำาเนินงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ของเพื่อนสมาชิกมาใช้ในการเสริมสร้างศักยภาพ ดังกล่าวจะลดทอนความเป็นอิสระที่แท้จริงหรือ
ของบุคลากร และพัฒนากระบวนการท�างานของ กสม. ที่สาธารณะรับรู้ (actual or perceived independence)
SCA เสนอแนะให้ กสม. ด�าเนินการสนับสนุนให้มี
(๒) กสม. ชุดที่ ๓ ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาที่ การยกเลิกบทบัญญัตินี้ต่อไป (๒) การสรรหาและแต่งตั้ง
SCA เสนอให้ GANHRI ลดสถานะของ กสม. จาก ‘A’ (Selection and appointment) SCA เห็นว่าการแต่งตั้ง
เป็น ‘B’ ด้วยเหตุผลที่ กสม. ยังไม่มีความสอดคล้องกับ กสม. ชุดใหม่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
หลักการปารีสอย่างสมบูรณ์ ทั้งในด้านกฎหมายและ ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
การปฏิบัติหน้าที่ ด้วยสาเหตุหลัก ๓ ประการ ได้แก่ ยังด�าเนินการไม่แล้วเสร็จและส่งผลให้มีช่วงระยะเวลา
(๑) กระบวนการสรรหาและการแต่งตั้ง กสม. ที่ขาดการมี สั้น ๆ ที่ กสม. ไม่สามารถลงมติเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียนได้
ส่วนร่วมของภาคประชาสังคมอย่างกว้างขวาง (๒) การขาด เนื่องจากมีจ�านวนไม่เพียงพอที่จะเป็นองค์ประชุมได้
ความคุ้มกันทางกฎหมายในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประกัน ซึ่ง SCA เสนอแนะให้ กสม. ผลักดันให้กระบวนการแต่งตั้ง
ความเป็นอิสระของ กสม. ในบทบัญญัติของกฎหมาย เสร็จสมบูรณ์ในห้วงเวลาที่เหมาะสมผ่านกระบวนการ
และ (๓) ความล่าช้าในการจัดท�ารายงานตรวจสอบการ ที่โปร่งใสและมีส่วนร่วมตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย
ละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะกรณีเกิดสถานการณ์ (๓) ข้อเสนอแนะของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
169