Page 115 - รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัย เรื่อง การประเมินข้อมูลพื้นฐานระดับชาติด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชน : นโยบาย กฎหมาย และมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของประเทศ
P. 115

2. กรณีการดำเนินโครงการท่าเรือน้ำลึกและเขตเศรษฐกิจทวายในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

               ของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 รับทราบผลการพิจารณา
               ดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาฯ และข้อเสนอของกระทรวงการต่างประเทศซึ่งสอดรับกับ

               ข้อเสนอแนะของ กสม. หลายประการ เช่น การผลักดันให้ภาคเอกชนมีมาตรการที่ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนใน

               ด้านต่าง ๆ โดยตรงและเข้มข้นมากยิ่งขึ้น การพิจารณาใช้เครื่องมือนโยบาย อาทิ การจัดทำแผนปฏิบัติการ
               ระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน โดยหน่วยงานภาครัฐจำเป็นต้องร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อผลักดันให้

               เกิดผลเป็นรูปธรรม

                       นอกจากนี้ ในกรณีการสร้างและผลิตกระแสไฟฟ้าไซยะบุรี ในแม่น้ำโขง ที่ได้มีการฟ้องไปยังศาล

               ปกครอง ทางศาลปกครองได้มองว่า การลงนามซื้อขายไฟฟ้าไม่ใช่โครงการของรัฐที่จะต้องดำเนินการตาม
               ระเบียบ ซึ่งจะต้องมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน หรือจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่

               รัฐธรรมนูญของไทยกำหนด ขณะที่อีกประเด็นสำคัญคือ ประเด็นช่องว่างของอำนาจในการพิจารณาคดี

               เนื่องจากกรณีโครงการเขื่อนไซยะบุรีเป็นโครงการที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในประเทศไทย ศาลจึงเห็นว่า เป็นพื้นที่ที่อยู่
               นอกเหนืออำนาจหน้าที่ และเป็นโครงการของภาคเอกชน โดยมีความเชื่อมต่อกับภาครัฐผ่านสัญญาซื้อขาย

               ไฟฟ้า ซึ่งถูกตีความว่าเป็นสัญญาที่หน่วยงานของรัฐมีอำนาจหน้าที่ลงนามอยู่แล้ว




                       3.2.7 สิทธิผู้บริโภค
                       สิทธิผู้บริโภคเป็นความคุ้มครองที่ได้รับจากภาครัฐเพื่อมิให้โดยภาคธุรกิจเอารัดเอาเปรียบ ภายใต้

               พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ฉบับที่ 1 ปี 2522 จนถึงฉบับที่ 4 ปี 2562 อันเป็นฉบับล่าสุด ซึ่งได้มีการ

               กำหนดสิทธิ หน้าที่ของผู้บริโภคและผู้ประกอบธุรกิจให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยกำหนดให้มีสำนักงาน
               คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ทำหน้าที่กำกับดูแลสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้อง


                       สคบ. ทำหน้าที่สำคัญใน 2 ด้านคือ

                       1. กลไกการคุ้มครอง สคบ. มีหน้าที่ในการติดตามและสอดส่องพฤติการณ์ของผู้ประกอบธุรกิจ เพื่อ

               ช่วยเหลือผู้บริโภคไม่ให้ถูกละเมิดสิทธิ เช่น การให้มีการทดสอบหรือพิสูจน์สินค้า หรือบริการใด ๆ ตามที่
               เห็นสมควรและจำเป็นเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค


                       2. กลไกในการเยียวยา สคบ. มีหน้าที่ในการรับเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อน
               หรือได้รับความเสียหายอันเนื่องมาจากการกระทำของผู้ประกอบธุรกิจ โดย สคบ. จะเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่

               ทั้งไกล่เกลี่ย และการฟ้องแทน

                       ทั้งนี้ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครอง

                                                                                                        32
               ผู้บริโภค (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541 ได้บัญญัติสิทธิของผู้บริโภคที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย 5 ประการ
               ดังนี้




               32  รายละเอียดเพิ่มเติมโปรดดู สิทธิผู้บริโภค, http://www.ocpb.go.th/news_view.php?nid=9764
                                                            55
   110   111   112   113   114   115   116   117   118   119   120