Page 145 - รายงานผลการศึกษาวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะ มาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน (ฉบับสมบูรณ์)
P. 145

บทที่ 4
                                                                                      ผลการวิเคราะห์สภาพปัญหา


                       (1)  การก าหนดโทษทางอาญาในเรื่องการใช้ประโยชน์ในที่ดิน

                       การออกกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั้นอาจมีได้หลาย

               ลักษณะ แต่รูปแบบที่น ามาใช้มากที่สุดในประเทศไทยคือ กฎหมายแบบควบคุมและสั่งการ (command and

               control regulation) ซึ่งเป็นการก าหนดห้ามบุคคลกระท าการ หากฝ่าฝืนจะมีบทลงโทษตามมา โดยบทลงโทษ
               เกือบทั้งหมดเป็นบทลงโทษตามกฎหมายอาญา เนื่องจากกฎหมายปกครองเป็นกฎหมายที่พัฒนามาในภายหลัง

               การออกกฎหมายที่มีบทลงโทษจึงคุ้นชินกับการก าหนดโทษทางอาญามากกว่า ปัจจุบันประเทศไทยจึงเผชิญ

               กับปัญหากฎหมายอาญาเฟ้อ (over-criminalisation) เพราะมีการบังคับใช้โทษทางอาญาในเรื่องต่างๆ ที่ไม่
                                                                                                    12
               เกี่ยวข้องกับความเป็นอาชญากรหรือความปลอดภัยของสังคม แต่เป็นเรื่องทางปกครองหรือทางพาณิชย์  เช่น
               ความผิดจากการใช้เช็ค ความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ เป็นต้น

                       กฎหมายอาญาเฟ้อเกิดจากการที่รัฐใช้การก าหนดโทษอาญาเป็นเครื่องมือเพื่อปรับพฤติกรรมคน

               ในสังคม โดยมิได้แบ่งแยกเนื้อหาหรือความร้ายแรงของการกระท าผิด ส่งผลให้นอกจากจะเป็นการก่อภาระ
                                                                                          13
               ให้ศาลยุติธรรมแล้ว ยังท าให้เกิดภาระแก่ผู้กระท าผิดเกินกว่าความร้ายแรงของสิ่งที่กระท า  โดยเฉพาะเรื่อง
               ที่มีการกระท าผิดจ านวนมาก เป็นความผิดไม่ร้ายแรง หรือเป็นความผิดจากการก ากับควบคุมกิจกรรมทาง
               เศรษฐกิจ ไม่ได้ฝ่าฝืนคุณค่าทางศีลธรรม ควรน ามาตรการทางปกครองมาใช้แทนโทษทางอาญา หรือใช้โทษ

               ทางอาญาเฉพาะเท่าที่เป็นการละเมิดศีลธรรมหรือก่ออันตรายต่อสังคม   ดังนั้น ในเรื่องของการใช้ประโยชน์
                                                                          14
               ในทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะที่ดินและป่าไม้นั้นมีข้อพิจารณาว่าลักษณะเป็นกิจกรรมทาง
               เศรษฐกิจ มิได้เกี่ยวข้องกับศีลธรรมหรือการก่อภัยอันตรายแก่ผู้อื่น ซึ่งอาจใช้มาตรการทางปกครองได้


                       (2)  กระบวนการยุติธรรมทางอาญากับเรื่องการใช้ประโยชน์ในที่ดิน/ป่าไม้

                       นอกจากเรื่องการก าหนดโทษแล้วกระบวนการยุติธรรมทางอาญาเองก็มีความไม่เหมาะสมหลาย

               ประการในการบังคับกับความผิดในการใช้ประโยชน์ที่ดินหรือป่าไม้ ดังนี้

                       ประการแรก การด าเนินคดีอาญาไม่ได้ถูกใช้ในฐานะวิธีการสุดท้ายอย่างที่กฎหมายอาญาควรจะเป็น

               เนื่องจากมีกรณีการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่มาเกี่ยวข้อง โดยบางพื้นที่สามารถต่อรองกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือ
               มีการผ่อนผันได้ แต่ในบางพื้นที่ไม่สามารถท าได้ รวมถึงมีมาตรฐานการบังคับที่ไม่เท่าเทียม จากการสัมภาษณ์

               พบว่ามีกรณีที่เข้าใช้พื้นที่เขตป่า ก่อสร้างท าธุรกิจแต่ไม่ถูกจับกุม หรือแม้กระทั่งคนในชุมชนเดียวกันมีหลาย
               ครัวเรือนอาศัยอยู่เป็นหมู่บ้าน แต่มีการจับกุมและฟ้องคดีเพียง 2-3 คน เพื่อเป็นคดีตัวอย่าง ซึ่งผิดจาก

               เจตนารมณ์ของกระบวนการยุติธรรมทางอาญาที่จะต้องบังคับใช้กับทุกคนที่ฝ่าฝืนกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น





               12   สุภัชลี เทพหัสดิน ณ อยุธยา. (2561). “กฎหมายอาญาเฟ้อ”. วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์.
               13   อรรถชัย วงศ์อุดมมงคล. (2549). การใช้มาตรการอื่นแทนโทษทางอาญา: กรณีศึกษาเฉพาะความผิดบางประเภท วิทยานิพนธ์
                   นิติศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
               14   Widdershoven R., “Enroachment of Criminal Law in Administrative Law in the Netherlands”, Electric Journal of
                   Comparative Law (December 2002).



               สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย                                                      4-11
   140   141   142   143   144   145   146   147   148   149   150