Page 60 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2561
P. 60
รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๖๑
แต่การบังคับใช้โทษดังกล่าวหลังจากที่ไทยไม่มีการบังคับใช้
โทษประหารชีวิตนับแต่เดือนสิงหาคม ๒๕๕๒
อาจเป็นเหตุการณ์ที่สวนทางกับความพยายามอย่างต่อเนื่อง
ของไทยในการเปลี่ยนแปลงโทษประหารชีวิต
เป็นจ�าคุกตลอดชีวิต รวมถึงการประกาศใช้พระราชบัญญัติ
ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม
การทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่ไม่มีการก�าหนดโทษประหาร
บทที่ ๒
ชีวิตดังเช่นในกฎหมายฉบับเดิม
๔๑
ดังนั้น การด�าเนินการเพื่อน�าไปสู่การยกเลิกโทษประหาร
ชีวิตในขณะที่สังคมยังไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกโทษ
ประหารชีวิตจึงต้องมีการด�าเนินการอย่างต่อเนื่อง
โดยรัฐควรมีนโยบายที่จะไม่ก�าหนดโทษประหารชีวิต
เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงโทษประหารชีวิตให้เข้าสู่ ในการตรากฎหมายใหม่ และควรด�าเนินการศึกษาวิจัย
การพิจารณาของรัฐสภาเป็นโทษจ�าคุกตลอดชีวิต ที่ผ่านมา เกี่ยวกับโทษประหารชีวิตกับการป้องกันอาชญากรรม
๓๙
กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพมีการด�าเนินการตาม รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจแก่สังคมอย่างต่อเนื่อง
มาตรการที่ก�าหนด เช่น มีการศึกษาวิจัยความเป็นไปได้ ทั้งนี้ กสม. เห็นด้วยกับแนวทางการเปลี่ยนแปลง
เกี่ยวกับการยกเลิกโทษประหารชีวิต สร้างความตระหนักรู้ โทษประหารชีวิต ๓ ระยะของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
และรับฟังความเห็นสาธารณชน ได้มีการจัดท�า และเห็นว่า การที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพด�าเนินการ การประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
แนวทางการเปลี่ยนแปลงโทษประหารชีวิต ๓ ระยะ ศึกษาเพื่อแก้ไขฐานความผิดที่มีอัตราโทษประหาร
ได้แก่ ๑) การปรับอัตราโทษในความผิดบางประเภท ชีวิตสถานเดียวหรือลดฐานความผิดที่มีอัตราโทษ
จากที่มีโทษประหารชีวิตเป็นโทษสถานเดียวเป็นอัตรา ประหารชีวิต และเสนอแนะมาตรการอื่นที่เหมาะสม
โทษสูงสุด ๒) การยกเลิกโทษประหารชีวิตในบางฐาน มารองรับ จะเป็นประโยชน์ในการด�าเนินงาน
ความผิดที่ไม่เกี่ยวกับชีวิตหรือไม่ส่งผลต่อความตาย ตามแนวทางรณรงค์เปลี่ยนแปลงโทษประหารชีวิต
ของผู้อื่น และ ๓) การยกเลิกโทษประหารชีวิตในฐาน
ความผิดที่เหลือทั้งหมดลงในร่างแผนสิทธิมนุษยชน
ฉบับที่ ๔ ศึกษาความพร้อมของประเทศไทยเกี่ยวกับ
การให้สัตยาบันพิธีสารเลือกรับ ฉบับที่ ๒ ของกติกา ICCPR
(เรื่องการยกเลิกโทษประหารชีวิต) การสร้างเรือนจ�า
ความมั่นคงสูงเพื่อรองรับนักโทษอุกฉกรรจ์ อย่างไร
๔๐
ก็ตาม ในปี ๒๕๖๑ ได้มีการบังคับใช้โทษประหารชีวิต
เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๑ ในคดีฆ่าผู้อื่นอย่างทารุณ
เพื่อชิงทรัพย์ แม้ว่าการบังคับใช้โทษประหารชีวิต
ในความผิดที่กระท�าต่อชีวิตอันถือว่าเป็นอาชญากรรม
ร้ายแรงที่สุดและไม่ขัดต่อข้อ ๖ ตามกติกา ICCPR
๓๙ แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๗ – ๒๕๖๑) ด้านกระบวนการยุติธรรม ข้อ ๑ การเปลี่ยนแปลงโทษประหารชีวิตให้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเป็นโทษจ�าคุก
ตลอดชีวิต โดยมีขั้นตอนดังนี้ ๑) เผยแพร่ให้ความรู้ด้านกฎหมายสิทธิมนุษยชน ๒) พยายามด�าเนินการเพื่อพักการประหารชีวิต ๓) เสนอแก้กฎหมายเพื่อลดจ�านวนความผิดที่มีโทษ
ประหารชีวิต ๔) ลงนามและให้สัตยาบัน OP-ICCPR เรื่องโทษประหารชีวิต และ ๕) สร้างเรือนจ�าความมั่นคงสูงเพื่อรองรับนักโทษอุกฉกรรจ์.
๔๐ จาก หนังสือกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ที่ ยธ ๐๔๑๖/๔๐๖๐ ลงวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เรื่อง ข้อมูลการด�าเนินการตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๓.
๔๑ จาก พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘. (๒๕๕๘, ๙ กรกฎาคม). ราชกิจจานุเบกษา, ๑๓๒ (ตอน ๖๐ก), ๑- ๙.
59