Page 23 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2561
P. 23
รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๖๑
ขั้นพื้นฐาน (O-NET) มีค่าเฉลี่ยต�่ากว่าร้อยละ ๕๐ สุขภาพจิตเพื่อให้ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางจิตเข้าถึง
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคุณภาพการศึกษายังคงเป็นปัญหา บริการด้านสุขภาพจิต รวมถึงการฟื้นฟูเพื่อให้สามารถ
ส�าคัญ แม้ว่ารัฐมีความพยายามที่จะปรับปรุงคุณภาพ กลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้ และการประกาศควบคุม
การศึกษา นอกจากนี้ ยังมีความแตกต่างของคุณภาพ การใช้ไขมันทรานส์ในผลิตภัณฑ์อาหารซึ่งมีผลกระทบ
การศึกษาระหว่างโรงเรียนขนาดใหญ่กับโรงเรียนขนาดกลาง ต่อสุขภาพของประชาชน
และขนาดเล็ก และระหว่างโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในและ
นอกเขตเมือง กสม. จึงมีข้อเสนอแนะ ๔ ข้อ คือ (๑) การเร่ง รัฐด�าเนินการเพื่อลดความเหลื่อมล�้าในการรับบริการ
ปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาเพื่อให้เด็กและเยาวชน ด้านสุขภาพและคุณภาพในการบริการ โดยการรับรอง
สามารถเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะ คุณภาพของโรงพยาบาล (HA) ในปี ๒๕๖๑ มีโรงพยาบาล
อย่างยิ่งเด็กด้อยโอกาสกลุ่มต่าง ๆ (๒) การยกระดับ ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติผ่านเกณฑ์
คุณภาพการศึกษาผ่านการพัฒนาบุคลากรครูและ HA เพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๕๖ พร้อมกับน�าแอปพลิเคชัน
สื่อการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ มาพัฒนาคุณภาพการให้บริการ ตลอดจนการด�าเนิน
มาสนับสนุนการด�าเนินการ (๓) การให้การศึกษาที่ส่งเสริม โครงการ “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ (UCEP)”
การพัฒนาบุคลิกภาพ ความถนัดและความสามารถ ต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ยังมีประชาชนบางกลุ่มที่มีข้อจ�ากัด
ทางร่างกายและจิตใจของเด็กให้เต็มตามศักยภาพ ในการใช้สิทธิด้านสุขภาพ อาทิ ประชากรที่อาศัยอยู่ใน
ของเด็กแต่ละคนตามแนวทางในอนุสัญญา CRC และ พื้นที่ห่างไกล พื้นที่ชายแดน หรือพื้นที่ทุรกันดาร รวมถึง
(๔) การติดตามและประเมินผลการปฏิรูปการศึกษา ในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ บุคคลที่ไม่มีสถานะ
อย่างเป็นระบบและเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ทราบความคืบหน้า ทางทะเบียนราษฎร/บัตรประจ�าตัวประชาชน ซึ่งรวมถึง
หรือปัญหาอุปสรรคในการด�าเนินการและก�าหนด ผู้ไร้รัฐ/ไร้สัญชาติ พระสงฆ์และผู้ต้องขังจ�านวนหนึ่ง
แนวทางในการแก้ไข และแรงงานเคลื่อนย้าย (มีและไม่มีสัญชาติไทย)
นอกจากนี้ มีสถานการณ์ที่ยังเป็นที่น่าห่วงกังวล และ
สิทธิด้านสุขภาพ ต้องมีการแก้ไขปัญหาต่อเนื่อง คือ การตั้งครรภ์
ในภาพรวมพบว่า รัฐมีความพยายามที่จะส่งเสริม ของวัยรุ่น จ�านวนผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์รายใหม่
ให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิในการรับบริการสาธารณสุข และการควบคุมดูแลปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาพ (health
อย่างทั่วถึง ตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข determinants) ได้แก่ การใช้สารเคมีป้องกันและ
ผ่านการพัฒนาระบบการแพทย์ปฐมภูมิ รวมถึงให้ ก�าจัดศัตรูพืชซึ่งยังขาดนโยบายและกลไกทางกฎหมาย
ชุมชนทั่วประเทศได้มีส่วนร่วมกับรัฐในการด�าเนินงาน ที่สอดคล้องกับมิติด้านสุขภาพ ดังนั้น จึงมีข้อเสนอแนะ
ระบบสุขภาพ รัฐมีการปรับปรุงการเข้าถึงสิทธิ ๒ ข้อ คือ (๑) การเร่งด�าเนินการตามแผนการปฏิรูป
ในการรับบริการในกรณีฉุกเฉินตามแผนหลักการแพทย์ ด้านสาธารณสุข โดยการให้ประชาชนสามารถเข้าถึง
ฉุกเฉินแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) รวมถึง บริการด้านสุขภาพได้อย่างทั่วถึง การให้ความส�าคัญ
การกระจายอ�านาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กับการดูแลประชากรบางกลุ่มที่มีอุปสรรคในการเข้าถึง
เป็นผู้บริหารจัดการระบบการแพทย์ฉุกเฉินโดยภาค บริการด้านสุขภาพดังที่ได้กล่าวข้างต้น และการพัฒนา
เอกชน ภาคประชาสังคมมีส่วนร่วมด�าเนินการ นอกจากนี้ คุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง และ (๒) การเร่ง
ยังมีการดูแลประชากรบางกลุ่มที่มีอุปสรรคในการเข้าถึง ด�าเนินการบริหารจัดการปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาพ
สิทธิด้านสุขภาพ ทั้งผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน พระสงฆ์ โดยก�าหนดนโยบายและมาตรการที่ชัดเจน รวมถึง
ผู้ต้องขัง และผู้มีรายได้น้อยที่ขึ้นทะเบียนและถือบัตร การทบทวนกฎหมายโดยค�านึงถึงผลกระทบในมิติสิทธิ
สวัสดิการแห่งรัฐ ๑๑.๔ ล้านคน การปรับปรุงกฎหมาย ด้านสุขภาพ
22