Page 94 - รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560
P. 94

บทที่ ๒ ผลการด�าเนินงานประจ�าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐



            กรณีที่ ๑๖ กรณีการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการทรัพยากรพลังงานของประเทศไทย



                     กสม. ได้พิจารณาด�าเนินการเชิงยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการปฏิรูปพลังงานเพื่อจัดท�าข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย
            และข้อเสนอแนะนโยบายการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการทรัพยากรพลังงานของประเทศไทย อันเป็นสิทธิมนุษยชน

            ด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ประกอบกับการพิจารณาทบทวนการแก้ไขพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔
            และพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ ด้วยเหตุผลว่าประเทศไทยก�าลังจะขาดแคลนพลังงาน จ�าเป็นต้อง
            มีการส�ารวจขุดเจาะเพื่อค้นหาและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น โดยเร่งด�าเนินการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่ ครั้งที่ ๒๑   บทที่ ๒
            ซึ่งเป็นประเด็นที่สมควรจะต้องมีมาตรการแก้ไขเพื่อหาทางป้องกันมิให้ปัญหาความขัดแย้งขยายตัวมากขึ้นเพราะอาจจะ

            ส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชน


                     การด�าเนินการ



                     กสม. ได้พิจารณาเอกสารที่เกี่ยวข้อง และรับฟังความคิดเห็นจากผู้แทนเครือข่ายประชาชนปฏิรูป
            พลังงานไทย (คปพ.) ส�านักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และกระทรวงพลังงาน พบว่า รัฐบาลได้ด�าเนินนโยบาย
            สาธารณะในเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรพลังงานของประเทศที่อาจขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนเท่าที่ควร
            อันเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงระดับสิทธิและเสรีภาพของประชาชน  ซึ่งจะมีผลต่อการกระตุ้นและส่งเสริม

            ความรู้ ความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตยโดยรวม อีกทั้งไม่สอดคล้องกับหลักการในพันธกรณีระหว่างประเทศ
            คือ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ  สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR) ที่ประเทศไทยเป็นภาคี
            และตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญว่าด้วยสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชน  และยังพบว่าความขัดแย้งจากการ
            ด�าเนินการอันเป็นนโยบายสาธารณะในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเป็นปัญหาใหญ่ของทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

            ความขัดแย้งเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเป็นประเด็นส�าคัญ เนื่องจากประเทศไทยที่ประชาชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ใน
            ชนบทซึ่งมีวิถีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติ แต่ทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นการพัฒนาสร้างความ
            เข้มแข็งให้กับภาคอุตสาหกรรม ความขัดแย้งระหว่างการพัฒนากับสิทธิของประชาชนในพื้นที่จึงมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหลัก
            ปฏิบัติด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติได้ก�าหนดความรับผิดชอบของรัฐในการคุ้มครองไม่ให้เกิด

            การละเมิดสิทธิมนุษยชนจากบุคคลภายนอกรวมทั้งที่เป็นบรรษัทการค้า นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รับข้อมูลใน
            เรื่องการบริหารจัดการด้านพลังงานของรัฐบาล และรัฐบาลควรพิจารณาระบบการจัดการทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ต่อ
            ประชาชนให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบการแบ่งปันผลผลิต ระบบสัมปทาน หรือระบบอื่น ซึ่งจากการศึกษาวิจัย
            พบว่าพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ ได้ใช้บังคับมาเป็น

            ระยะเวลานาน และมีบทบัญญัติบางประการที่ไม่เหมาะสม ทั้งในส่วนของระบบการบริหารจัดการทรัพยากรปิโตรเลียม
            ที่มีอยู่อย่างจ�ากัด รวมถึงบทบัญญัติเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและการดูแล
            ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนที่ชัดเจน โดยกระบวนการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายฉบับนี้ ควรตระหนักถึงสิทธิการมีส่วนร่วม
            และสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและเร่งสร้างความเข้าใจที่ตรงกันแก่ทุกฝ่ายด้วยการน�าเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงอย่าง

            รอบด้าน รวมถึงเปิดเผยข้อดีข้อเสียของระบบสัมปทานปิโตรเลียม ระบบแบ่งปันผลผลิตปิโตรเลียม และระบบอื่น ๆ
            เช่น รับจ้างการผลิต เพื่อให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึงเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันและควรเปิดพื้นที่สาธารณะให้แก่ภาค
            ประชาชนมากขึ้นในการแสดงความคิดเห็น เพื่อเป็นแนวทางการหาทางออกของปัญหาด้านพลังงานที่เป็นข้อตกลงร่วม
            กันของทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน กสม. จึงมีมติให้มีข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเสนอต่อ

            คณะรัฐมนตรีเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในการแก้ไขกฎหมายด้านพลังงานทั้งสองฉบับต่อไป







                                                                               คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  | 93
   89   90   91   92   93   94   95   96   97   98   99