Page 88 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2560
P. 88
บทที่ ๓ การประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
กำรต�ำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ ๓๒ กำรพิมพ์ลำยนิ้วมือ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗ ไม่ได้ก�ำหนดให้กำรคัดแยกประวัติกำรกระท�ำผิด
ของเด็กและเยำวชน และบัญชีทะเบียนประวัติของเด็กและเยำวชนไว้ในหมวดหนึ่งหมวดใดโดยเฉพำะ จึงอำจมีผลให้
เจ้ำหน้ำที่มีดุลพินิจที่กว้ำงเกินไปในกำรพิจำรณำเปิดเผยประวัติของเด็กและเยำวชน ๙) กำรรับผู้พ้นโทษกลับเข้ำท�ำงำน
ควรพิจำรณำทบทวนปรับปรุงและแก้ไขบทบัญญัติของกฎหมำยในเรื่องนี้ ๑๐) มำตรกำรกักขังแทนค่ำปรับ ควรพิจำรณำ
ทบทวนควำมจ�ำเป็นของบทบัญญัติดังกล่ำว เนื่องจำกเสรีภำพของบุคคลที่จะต้องสูญเสียและค่ำใช้จ่ำยที่รัฐจะต้องจัดหำ
สถำนที่และสำธำรณูปโภคให้กับจ�ำเลยแล้ว จะเห็นว่ำไม่ได้สัดส่วนกัน ๑๑) บทบัญญัติว่ำด้วยควำมผิดฐำนละเมิดอ�ำนำจศำล
ควรมีกำรทบทวนหรือแก้ไข หำกกำรกระท�ำละเมิดอ�ำนำจศำลเป็นกรรมเดียวกับควำมผิดอำญำที่บัญญัติในประมวล
กฎหมำยอำญำหรือพระรำชบัญญัติที่มีโทษทำงอำญำควรด�ำเนินคดีอำญำตำมปกติ ๑๒) พระรำชบัญญัติค่ำตอบแทน
ผู้เสียหำยและค่ำทดแทนและค่ำใช้จ่ำยแก่จ�ำเลยในคดีอำญำ พ.ศ. ๒๕๔๔ ควรแก้ไขให้ครอบคลุมถึงจ�ำเลยในคดีอำญำที่ศำล
พิพำกษำยกฟ้องเพรำะพยำนหลักฐำนไม่เพียงพอ และจ�ำเลยที่ถูกขังระหว่ำงพิจำรณำในคดีอำญำที่ผู้เสียหำยเป็นผู้ฟ้องคดี
อำญำเองด้วย และ ๑๓) ปัญหำโทษทำงอำญำเฟ้อ ควรพิจำรณำทบทวนควำมเหมำะสมในกำรก�ำหนดโทษทำงอำญำ และ
ควรน�ำมำตรกำรทำงเลือกอื่นที่เหมำะสมมำใช้ทดแทนกำรลงโทษทำงอำญำส�ำหรับควำมผิดบำงประเภท
๕๕
๒. รัฐได้มีควำมพยำยำมในกำรที่จะแก้ไขพระรำช
บัญญัติรำชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ซึ่งเป็นกฎหมำยที่บังคับใช้
มำเป็นเวลำนำน โดยออกเป็นพระรำชบัญญัติรำชทัณฑ์
พ.ศ. ๒๕๖๐ มีกำรแก้ไขกฎหมำยอันมีวัตถุประสงค์เพื่อให้
สอดคล้องกับมำตรฐำนสำกล และค�ำนึงถึงสิทธิของผู้ต้องขัง บทที่
อย่ำงไรก็ตำม ในประเด็นกำรลงโทษขังเดี่ยวจำกเดิม ๓
๓ เดือน ได้ลดลงมำเป็น ๑ เดือน นั้น คณะกรรมกำร
๕๖
สิทธิมนุษยชนประจ�ำกติกำ ICCPR ได้มีควำมเห็นทั่วไปที่ ๒๐
เกี่ยวกับสิทธิพลเมืองและสิทธิทำงกำรเมือง ข้อ ๗ ว่ำ
กำรขังเดี่ยว (Solitary confinement) ที่ยำวนำนของ
ผู้ถูกคุมตัวหรือผู้ต้องขัง อำจเป็นกำรกระท�ำต้องห้ำมตำมข้อ ๗
ของกติกำ ICCPR นอกจำกนี้ ควรมีบทบัญญัติห้ำมกำรกักขังโดยกำรตัดขำดกำรติดต่อ (Incommunicado detention)
๕๗
ซึ่งกำรใช้กำรขังเดี่ยวกับผู้ต้องขังจะต้องค�ำนึงถึงวัตถุประสงค์ ระยะเวลำ และเงื่อนไขในแต่ละกรณีที่ต้องพอสมควรแก่เหตุ
และต้องไม่ใช่กรณีกำรกักขังโดยกำรตัดขำดกำรติดต่อ (Incommunicado detention) กล่ำวคือ กำรขังโดยตัดขำดกำร
ติดต่อกับครอบครัว ทนำยควำม ปกปิดสถำนที่ควบคุมตัว อย่ำงไรก็ดี กำรขังเดี่ยวอำจเป็นกำรสุ่มเสี่ยงต่อกำรถูกละเมิด
สิทธิมนุษยชนได้ หำกในอนำคตกรมรำชทัณฑ์จะทบทวนแก้ไขกฎหมำยเพื่อเป็นกำรคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องขังมำกยิ่งขึ้น
อำจพิจำรณำทบทวนยกเลิกกำรลงโทษขังเดี่ยว โดยหำมำตรกำรอื่นมำทดแทน
๓. กำรปล่อยชั่วครำว เป็นสิทธิของผู้ต้องหำหรือจ�ำเลยซึ่งก่อนที่ศำลจะมีค�ำพิพำกษำจะได้รับกำรสันนิษฐำนว่ำเป็น
ผู้บริสุทธิ์ ตำมข้อ ๑๔ ของกติกำ ICCPR และข้อ ๙ วรรค ๓ ก�ำหนดให้บุคคลใดที่ถูกจับกุมหรือควบคุมตัวในข้อหำทำงอำญำจะต้อง
มีสิทธิได้รับกำรปล่อยตัว โดยคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนประจ�ำกติกำ ICCPR ได้ให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมว่ำ กำรคุมขังระหว่ำง
กำรพิจำรณำต้องใช้ดุลพินิจพิจำรณำเฉพำะในแต่ละบุคคล ต้องมีเหตุผลและควำมจ�ำเป็น อีกทั้ง ค�ำนึงถึงพฤติกำรณ์ต่ำง ๆ
เพื่อวัตถุประสงค์ในกำรป้องกันกำรหลบหนี กำรยุ่งเหยิงกับพยำนหลักฐำน หรือกำรกระท�ำผิดซ�้ำ ศำลต้องหำทำงเลือกอื่น
๕๕ ข้อมูลจำก หนังสือส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ ด่วนที่สุด ที่ สม ๐๐๐๗/๓๖๓๑ ลงวันที่ ๑๗ พฤศจิกำยน ๒๕๖๐ ถึง ประธำนกรรมกำรปฏิรูปประเทศด้ำนกระบวนกำร
ยุติธรรม เรื่อง ขอส่งข้อมูลและควำมเห็นประกอบกำรจัดท�ำแผนปฏิรูปประเทศด้ำนกระบวนกำรยุติธรรม.
๕๖ พระรำชบัญญัติรำชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ มำตรำ ๖๙ (๖).
๕๗ UN Human Rights Committee (HRC). (2017). CCPR General Comment No. 20: Article 7 (Prohibition of Torture, or Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment
or Punishment), 10 March 1992. Retrieved from www.refworld.org/docid/453883fb0.html
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ | 87