Page 56 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2560
P. 56

บทที่ ๑ สิทธิและเสรีภาพที่พึงได้รับการคุ้มครองของไทย




                  พิธีสารเลือกรับของอนุสัญญา CRC เรื่องความเกี่ยวพันของเด็กในความขัดแย้งกันด้วยก�าลังอาวุธ (Optional
            Protocol to the CRC on the Involvement of Children in Armed Conflict : OP-AC) โดยการภาคยานุวัติ
            เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ และมีผลใช้บังคับกับประเทศไทย เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๔๙



                     ประเทศไทยท�าค�าแถลงตีความข้อบทที่ ๓ วรรคสอง โดยระบุว่า การปฏิบัติหน้าที่การทหารเป็นหน้าที่
                อันพึงปฏิบัติตามกฎหมาย ชายไทยเมื่ออายุย่าง ๑๘ ปี มีหน้าที่ต้องแสดงตนเพื่อลงบัญชีทหารกองเกิน ซึ่งอาจ
                ถูกเรียกให้ปฏิบัติราชการทหารในกองได้ยามประเทศมีสงคราม หรือประสบภาวะวิกฤต การคัดเลือกบุคคลเข้าสู่   บทที่
                โรงเรียนทหารเหล่าต่าง ๆ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสมัครใจ การผ่านการสอบคัดเลือก และต้องได้รับความ    ๑

                ยินยอมจากผู้ปกครอง นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายทั้งชายและหญิง สามารถเข้ารับการฝึกวิชาทหารได้โดยต้อง
                ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง และการจัดตั้งกองก�าลังอื่นใดที่มิได้จัดตั้งขึ้นโดยรัฐ เป็นข้อห้ามตามกฎหมาย
                โดยไม่มีข้อยกเว้นในเรื่องอายุของผู้เข้าร่วมแต่อย่างใด



                     เนื้อหามีทั้งหมด ๑๓ ข้อบท แบ่งออกเป็น ๓ ส่วน
                     ส่วนที่หนึ่ง (ข้อบทที่ ๑ - ๔) กล่าวถึงหลักการเกี่ยวกับการประกันว่า บุคคลที่อายุไม่ถึง ๑๘ ปี จะไม่ถูกเกณฑ์
                เข้าร่วมในการสู้รบในกองทัพของรัฐ หรือกลุ่มกองก�าลังติดอาวุธ



                     ส่วนที่สอง (ข้อบทที่ ๕ - ๗) กล่าวถึง การบังคับใช้กฎหมายภายในและระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
                รวมถึงการด�าเนินการตามข้อบทของพิธีสาร และการใช้ความร่วมมือในการช่วยเหลือระดับพหุภาคีในการฟื้นฟู
                ด้านวิชาการและด้านการเงิน



                     ส่วนที่สาม (ข้อบทที่ ๘ - ๑๓) กล่าวถึง การจัดท�ารายงานผลการด�าเนินการตามพิธีสารเลือกรับ




                  พิธีสารเลือกรับของอนุสัญญา CRC เรื่องกระบวนการติดต่อร้องเรียน (Optional Protocol to the CRC on

            a Communications Procedure : OP3) โดยการให้สัตยาบัน เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๕ และมีผลใช้บังคับกับ
            ประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๕๗


                     ประเทศไทยเข้าเป็นภาคี โดยการภาคยานุวัติในวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๔๐ พร้อมท�าค�าแถลงตีความใน

                ๒ ประเด็น ได้แก่ (๑) การก�าหนดเจตจ�านงของตนเอง โดยมิได้หมายรวมถึงการแบ่งแยกดินแดนหรือเอกภาพ
                ทางการเมือง (ข้อบทที่ ๑ วรรคหนึ่ง) และ (๒) การโฆษณาชวนเชื่อเพื่อท�าสงคราม (ข้อบทที่ ๒๐ วรรคหนึ่ง)


                     เนื้อหามีทั้งหมด ๕๓ ข้อบท แบ่งออกเป็น ๖ ส่วน

                     ส่วนที่หนึ่ง - ส่วนที่สาม (ข้อบทที่ ๑ - ๒๗) เป็นสารบัญญัติว่าด้วยสิทธิต่าง ๆ จ�านวน ๒๗ ข้อ ก�าหนดสิทธิต่าง ๆ
                ทั้งในส่วนที่เป็นสิทธิของประชาชน ซึ่งว่าด้วยการก�าหนดสิทธิของตนเองในเรื่องการเมือง และสามารถด�าเนินการ
                อย่างเสรีในการจัดการทรัพยากร และการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของตนเอง และการประกันสิทธิ
                ของรัฐภาคี ที่จะต้องส่งเสริมให้บังเกิดผลตามสิทธิดังกล่าว โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ สิทธิเหล่านี้ รวมถึงสิทธิ

                ที่จะมีชีวิตและการยกเลิกโทษประหารชีวิต การห้ามการทรมาน/ลงโทษทารุณโหดร้าย การมีทาส เสรีภาพในความ
                ปลอดภัยของร่างกาย การห้ามการจับกุมหรือควบคุมตัวโดยพลการ หรือตามอ�าเภอใจโดยมิได้กระท�าผิดกฎหมาย





                                                                                คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  | 55
   51   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61