Page 52 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2560
P. 52

บทที่ ๑ สิทธิและเสรีภาพที่พึงได้รับการคุ้มครองของไทย




                                  •  การส่งเสริมการวิจัย และพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และศิลปะวิทยาการ ความเข้มแข็งของ
                                     สังคม ความสามารถของคนในชุมชน (มาตรา ๖๙)
                                  •  การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ (มาตรา ๗๐)
                                  •  การเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัว การมีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม ดูแลสุขภาพ ส่งเสริม
                                     การเป็นพลเมืองที่ดี การช่วยเหลือเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ยากไร้ และผู้ด้อยโอกาส
                                     การสร้างความเป็นธรรมทางเพศ วัย และสภาพของบุคคล (มาตรา ๗๑)
                                  •  การด�าเนินการเกี่ยวกับทรัพยากรที่ดิน น�้า พลังงาน อย่างเหมาะสม ยั่งยืน มีประสิทธิภาพ
                                     สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน การกระจายการถือครองอย่างทั่วถึง และเป็นธรรม   บทที่
                                                                                                                   ๑
                                     เพียงพอต่อการอุปโภค บริโภคของประชาชน (มาตรา ๗๒)

                                  •  การจัดท�ามาตรการ/กลไกช่วยให้เกษตรกรประกอบการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ มีผลผลิตสูง
                                     ปลอดภัย ใช้ต้นทุนต�่า แข่งขันได้ การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ยากไร้ (โดยการปฏิรูปที่ดิน และอื่น ๆ)
                                     (มาตรา ๗๓)
                                  •  การส่งเสริมการท�างานอย่างเหมาะสม มีศักยภาพ คุ้มครองปลอดภัย มีสวัสดิการที่ดี มีการออม
                                     เพื่อการด�ารงชีพ การมีระบบแรงงานสัมพันธ์ทุกฝ่ายเกี่ยวข้อง และมีกระบวนการมีส่วนร่วม
                                     (มาตรา ๗๔)
                                  •  การจัดการระบบเศรษฐกิจให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

                                     อย่างทั่วถึง เป็นธรรม ยั่งยืน พึ่งตนเองได้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (มาตรา ๗๕)
                                  •  การพัฒนาระบบการบริหารราชการแผ่นดิน ตามหลักกิจการบ้านเมืองที่ดี การจัดท�าบริการ
                                     สาธารณะ การใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การพัฒนาเจ้าหน้าที่รัฐให้ซื่อสัตย์
                                     สุจริต มีทัศนคติบริการประชาชนให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ไม่เลือกปฏิบัติ และปฏิบัติหน้าที่
                                     อย่างมีประสิทธิภาพ (มาตรา ๗๖)
                                  •  การดูแลให้มีกฎหมายที่จ�าเป็น การยกเลิก ปรับปรุง กฎหมายที่หมดความจ�าเป็นหรือไม่สอดคล้อง
                                     กับสภาพการณ์ การรับฟังความคิดเห็นก่อนการตรากฎหมาย การเปิดเผยผลการรับฟัง และน�าผล
                                     มาพิจารณาร่วม (มาตรา ๗๗)
                                  •  การส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการปกครอง การมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ การจัดท�า

                                     บริการสาธารณะในทุกระดับ และการตรวจสอบการใช้อ�านาจรัฐ (มาตรา ๗๘)



                  ทั้งนี้ โดยลักษณะการบังคับใช้กฎหมายของประเทศไทยเป็นแบบทวินิยม (dualism)  กล่าวคือ การกระท�าการใด ๆ
                                                                                      ๖
            ที่เป็นข้อผูกพันอันเนื่องมาจากการเข้าเป็นภาคี (การให้สัตยาบัน  หรือการภาคยานุวัติ ) ของสนธิสัญญาใด ๆ
                                                                                          ๘
                                                                      ๗
            จะมีผูกพันกับการด�าเนินงานภายในประเทศ ก็ต่อเมื่อมีการอนุวัติการ  กฎหมายภายในประเทศให้สอดคล้องกับสนธิสัญญา
                                                                    ๙
            นั้น ๆ ก่อน ในขณะที่ประเทศไทยถือแนวปฏิบัติที่ผสมผสานระหว่างหลักกฎหมายลายลักษณ์อักษร (civil law) ซึ่งยึด


            ๖  แนวคิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมายภายในกับกฎหมายระหว่างประเทศแบ่งออกได้เป็น ๒ ระบบ คือ ระบบเอกนิยม (monism) ซึ่งเห็นว่ากฎหมายระหว่างประเทศและภายในประเทศ
               นั้น ไม่มีความแตกต่างกัน ทั้งนี้เพราะกฎหมายภายในและระหว่างประเทศต่างมีเจตนารมณ์เพื่อสร้างความสงบเรียบร้อย และเห็นว่ากฎหมายระหว่างประเทศ มีศักดิ์ทางกฎหมายสูงกว่า
               กฎหมายภายในประเทศ ดังนั้น รัฐจึงไม่ต้องแปลงรูปกฎหมายระหว่างประเทศ โดยกฎหมายระหว่างประเทศจะมีผลเป็นกฎหมายภายในโดยอัตโนมัติ ในขณะที่ระบบทวินิยม (dualism)
               เห็นว่ากฎหมายภายในกับระหว่างประเทศมีศักดิ์ทางกฎหมายเท่ากัน แต่มีลักษณะที่แตกต่างกันและมีระบบที่แยกออกจากกันโดยเด็ดขาด เมื่อรัฐเข้าผูกพันในกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว
               กรณีที่จะน�ากฎหมายระหว่างประเทศมาใช้บังคับภายในประเทศได้ ต้องผ่านกระบวนการอนุวัติกฎหมายภายในให้สอดคล้องเสียก่อนจึงจะสามารถน�ามาบังคับใช้ได้. ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง.
               (๒๕๖๐). กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง. สืบค้นจาก www.mjsheetramfree.com/law4003-kdhmay-rahwang-prathes-phaenk-khdi-meuxng-kar-sxbli-phakh-vdu-
               rxn-pi-kar-suksa-2552
            ๗  การให้สัตยาบัน (ratification) คือ การที่รัฐหนึ่งซึ่งเป็นรัฐภาคีที่เข้าร่วมเจรจา (และ/หรือลงนามในสนธิสัญญา) ตั้งแต่แรก ได้ให้ความยินยอมของรัฐ เพื่อการผูกพันตามสนธิสัญญา
               โดยการให้สัตยาบันจะเป็นการยืนยันว่า สนธิสัญญามีความถูกต้องสมบูรณ์ และประสงค์จะให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย ทั้งนี้ การให้สัตยาบันของแต่ละประเทศย่อมมีความแตกต่างกัน
               ขึ้นกับรัฐธรรมนูญและแนวทางปฏิบัติของแต่ละประเทศ.
            ๘  การภาคยานุวัติ (accession) คือ การที่รัฐหนึ่งซึ่งไม่ได้เป็นรัฐภาคีที่เข้าร่วมเจรจา และลงนามในสนธิสัญญาตั้งแต่แรก ได้ด�าเนินการให้ความยินยอมเพื่อเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาและผูกพัน
               ตามสนธิสัญญาที่รัฐอื่น ๆ ได้ท�าการวินิจฉัยตกลงก่อนแล้วและสนธิสัญญานั้นได้มีผลใช้บังคับอยู่ก่อนแล้ว.
            ๙  การอนุวัติการ (implementation) คือ การด�าเนินการให้เป็นผลตามบทบัญญัติแห่งสนธิสัญญาโดยการตรากฎหมายภายในประเทศ หรือปรับแก้กฎหมายภายในประเทศ เพื่อให้สอดคล้อง
               และรองรับกับสนธิสัญญาดังกล่าว.

                                                                                คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  | 51
   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56   57