Page 197 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 197
๑๘๐
วาระแห่งชาตินั่นเอง โดยนัยดังกล่าว รัฐบาลที่มี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้น า ได้ก าหนดและประกาศ
นโยบายของในการปราบปรามยาเสพติด ตลอดจนองค์กรและเจ้าหน้าที่ต่างๆ ของรัฐที่มีหน้าที่จะต้องไป
ด าเนินการตามล าดับชั้น (ตามระบบ “Area Approach” ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการ
ต ารวจภูธรจะต้องด าเนินการร่วมกันแบบ “ปาท่องโก๋”) และแนวทางอย่างกว้างๆ ในการด าเนินการของ
องค์กรและเจ้าหน้าที่ต่างๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ก าหนดไว้ในนโยบายโดยเคร่งครัด โดยก าหนดให้
ใช้วิธีการรุนแรงและตอบโต้อย่างเข้มข้นต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และก าหนดจุดหมายปลายทางของ
ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดไว้เพียงสองแห่งเท่านั้น คือ “คุก” หรือ “วัด”ทั้งนี้ โดยไม่ค านึงถึงหลักนิติรัฐและ
สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของบุคคลที่เป็นเป้าหมาย ทั้งนี้ ในการก าหนดและประกาศนโยบายในการ
ปราบปรามยาเสพติดดังกล่าว รัฐบาลปล่อยให้องค์กรหรือเจ้าหน้าที่ต่างๆ ของรัฐที่มีหน้าที่ด าเนินการตาม
นโยบายนั้นไปก าหนดวิธีด าเนินการต่างๆ กันเอง เพียงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาลเป็น
ส าคัญเท่านั้น
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ก าหนดเงื่อนไขของการด าเนินการให้บรรลุเป้าหมาย
ตามนโยบายดังกล่าวไว้อย่างเข้มงวดอีกด้วย ซึ่งประกอบด้วยเงื่อนไขส าคัญๆ สามประการ ได้แก่ ประการ
ที่หนึ่ง กรอบระยะเวลาสามเดือนที่องค์กรหรือเจ้าหน้าที่ต่างๆ ของรัฐจะต้องด าเนินการให้บรรลุเป้าหมาย
หรือได้ผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายดังกล่าว กล่าวคือ ระหว่างวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน
๒๕๔๖ ภายหลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศนโยบายในการปราบปรามยาเสพติดดังกล่าวเมื่อวันที่ ๑๔
มกราคม ๒๕๔๖ ประการที่สอง เกณฑ์ชี้วัดผลสัมฤทธิ์หรือประสิทธิภาพของการด าเนินการขององค์กรหรือ
เจ้าหน้าที่ต่างๆ ของรัฐว่าได้ด าเนินการมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด ตามข้อสั่งการของ
๔๑๕
กระทรวงมหาดไทย โดยก าหนดให้ต้องลดจ านวนผู้ผลิตและผู้ค้ายาเสพติดให้น้อยลงเป็นอัตราร้อยละ
ตามกรอบระยะเวลาที่ก าหนดไว้ในแต่ละช่วงโดยเคร่งครัด อีกทั้งการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับผลการ
๔๑๖
ด าเนินการประจ าวันเกี่ยวกับจ านวนผู้ผลิตหรือผู้ค้ายาเสพติด และประการที่สาม บทลงโทษกรณี
ที่องค์กรหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถกระท าการให้เป็นไปตามเกณฑ์ชี้วัดได้ กล่าวคือ จะถือว่า
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการต ารวจภูธร หย่อนสมรรถภาพ
และเจ้าหน้าที่นั้นจะต้องถูกลงโทษสถานหนักด้วยการพ้นจากต าแหน่งไปด้วยกัน ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น
โดยนัยดังกล่าว นโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามยาเสพติดน ามาซึ่งผลต่อ
การกระท าการของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลอันก่อให้เกิดการสูญเสียแก่ประชากรพลเมืองอย่างกว้างขวางใน
สองประการ ได้แก่ ประการที่หนึ่ง นโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามยาเสพติดย่อมเป็นเสมือน
“ฐาน” หรือ “ช่องทาง” ที่เปิดโอกาสให้กลุ่มบุคคลสามารถกระท าการต่างๆ ตามแผนการด าเนินการต่อ
บุคคลผู้เป็นเป้าหมายของการด าเนินการตามแผนการด าเนินการนั้น อันน ามาซึ่งการสูญเสียชีวิตและ
ทรัพย์สินของผู้เสียหาย และประการที่สอง การกระท าการโดยใช้นโยบายของรัฐบาลในการปราบปราม
ยาเสพติดเป็นฐานหรือช่องทาง ท าให้การด าเนินการมี “คุณภาพ” ในองค์รวม กล่าวคือ มีความคล่องตัว
สะดวกรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ทั้งในเชิงผลลัพธ์ของการกระท าการ และในเชิงความรอบคอบในการ
๔๑๕
หนังสือ ด่วนที่สุด ที่ มท ๐๒๑๑.๑/ว๔๓๖ ลงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ เรื่อง เปลี่ยนแปลงการก าหนด
ตัวชี้วัดด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
๔๑๖
หนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ศตส.มท ๐๒๑๑.๑/ว๒๔ ลงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ เรื่อง ซักซ้อมความเข้าใจ
การด าเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดของ ศตส. จ./อ./กิ่ง อ. และหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ มท ๐๒๑๑.๑/ว๗๘ ลงวันที่
๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ เรื่อง นโยบายและแนวทางการด าเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด