Page 167 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 167

๑๕๐




                   กระท าอันเป็นอาชญากรรมร้ายแรงดังกล่าวได้อย่างเต็มที่โดยล าพัง ในกรณีเช่นนี้ ศาลอาญาระหว่าง
                                                                     ๓๘๗
                   ประเทศย่อมมิอาจใช้เขตอ านาจและรับคดีดังกล่าวไว้พิจารณา
                                          (๓.๒.๒) กรณีที่ศำลไม่ใช้เขตอ ำนำจและไม่รับคดีไว้พิจำรณำ
                                         แม้เป็นกรณีที่ศาลอาญาระหว่างประเทศมีเขตอ านาจเหนืออาชญากรรมร้ายแรง

                   ระหว่างประเทศตามที่ก าหนดไว้ในธรรมนูญกรุงโรมฯ และรัฐที่การก่ออาชญากรรมเช่นนั้นได้เกิดขึ้นเป็น
                   รัฐภาคีแห่งธรรมนูญกรุงโรมฯ ก็ตาม แต่ศาลอาญาระหว่างประเทศหาได้ใช้เขตอ านาจของตนและรับคดี
                   ไว้พิจารณาในทุกกรณีแต่อย่างใด กล่าวอีกนัยหนึ่ง อาจมีบางกรณีที่ศาลอาญาระหว่างประเทศไม่รับคดี

                   ไว้พิจารณา แม้ศาลจะมีเขตอ านาจเหนือคดีนั้นก็ตาม
                                         ด้วยเหตุที่ศาลอาญาระหว่างประเทศจัดตั้งขึ้นเพื่อ “เสริมเขตอ านาจ” ในทาง
                                                                     ๓๘๘
                                                                                   ๓๘๙
                   อาญาของรัฐดังความที่ก าหนดไว้ทั้งในวรรคสิบของอารัมภบท  และในข้อ ๑  แห่งธรรมนูญกรุงโรมฯ
                   ดังนั้น โดยหลักแล้ว ศาลจะไม่รับคดีไว้พิจารณาเมื่อปรากฏว่ามีการด าเนินการใดๆ เกี่ยวกับคดีที่ศาลมีเขต
                   อ านาจเหนือนั้นแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี แม้จะมีเหตุเช่นนั้นเกิดขึ้น ศาลอาญาระหว่างประเทศ
                   ก็อาจใช้เขตอ านาจของตนและรับคดีไว้พิจารณาได้ หากรัฐที่เกี่ยวข้องกับคดีนั้นไม่สมัครใจหรือไม่สามารถ
                   ด าเนินการเกี่ยวกับคดีนั้น
                                         ดังนั้น ข้อที่จะต้องพิจารณาในส่วนนี้จึงประกอบด้วยข้อพิจารณาสองประการ

                   ได้แก่ ๑) หลัก: ศาลไม่รับคดีไว้พิจารณาเมื่อมีการด าเนินการเกี่ยวกับคดีนั้นแล้ว และ ๒) ข้อยกเว้น:
                   ศาลอาจรับคดีไว้พิจารณาในกรณีพิเศษ
                                         ๑) หลัก: ศำลไม่ใช้เขตอ ำนำจเหนือคดีที่มีกำรด ำเนินกำรแล้ว
                                         โดยหลักแล้ว หากมีการด าเนินการใดๆ เกี่ยวกับคดีที่อยู่ในเขตอ านาจศาลแล้ว

                   ศาลจะไม่รับคดีนั้นไว้พิจารณา ทั้งนี้ เพื่อมิให้เปิดปัญหาทับซ้อนเกี่ยวกับศาลที่มีอ านาจพิจารณาคดี
                   โดยนัยดังกล่าว ศาลจะไม่รับคดีไว้พิจารณาเมื่อมีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ดังที่ก าหนดไว้ในข้อ ๑๗
                           ๓๙๐
                   วรรคหนึ่ง  แห่งธรรมนูญกรุงโรมฯ เกิดขึ้น
                                         ■ คดี (ที่อยู่ในเขตอ านาจของศาล) นั้นก าลังอยู่ในระหว่างการสอบสวนหรือ
                   ฟ้องร้องด าเนินคดีโดยรัฐซึ่งมีเขตอ านาจเหนือคดีนั้น
                                         ■  คดีนั้นได้รับการสอบสวนโดยรัฐซึ่งมีเขตอ านาจเหนือคดี และรัฐได้ตัดสินใจที่
                   จะไม่ฟ้องร้องด าเนินคดีบุคคลที่เกี่ยวข้อง

                                         ■  บุคคลที่เกี่ยวข้องได้ถูกพิจารณาคดีแล้วส าหรับการกระท าซึ่งเป็นมูลของ
                   ค าฟ้อง
                                         ■  คดีไม่มีน้ าหนักเพียงพอที่จะเป็นเหตุผลให้ศาลอาญาระหว่างประเทศ
                   ด าเนินคดีต่อไป


                          ๓๘๗
                              โปรดดู ไพลิน อภิทักขกุล, ผลกระทบของศาลอาญาระหว่างประเทศที่มีต่อวิธีพิจารณาคดีอาญาของไทย,
                   วิทยานิพนธ์นิติศาสตรมหาบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๕๓.
                          ๓๘๘
                              Rome Statute, Preamble, paragraph 10: “Emphasizing that the International Criminal
                   Court established under this Statute shall be complementary to national criminal jurisdictions”.
                          ๓๘๙
                              Rome Statute, Article 1 The Court.
                          ๓๙๐
                              Rome Statute, Article 17 Issues of admissibility, paragraph 1.
   162   163   164   165   166   167   168   169   170   171   172