Page 165 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 165

๑๔๘




                   กฎหมายระหว่างประเทศอื่นๆ ไว้โดยชัดแจ้ง ผลที่ตามมาประการส าคัญ คือ (๓.๑) หลักการไม่ใช้บังคับ
                   อายุความ และ (๓.๒) หลักการเสริมเขตอ านาจศาลภายในของรัฐภาคีโดยศาลอาญาระหว่างประเทศ

                                         (๓.๑) หลักกำรไม่ใช้บังคับอำยุควำม
                                         โดยที่อาชญากรรมร้ายแรงระหว่างประเทศในลักษณะต่างๆ ดังที่ก าหนดไว้ใน
                   ข้อ ๕ ของธรรมนูญกรุงโรมฯ เป็นความผิดอาญาร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติและเป็นการละเมิดต่อกฎแห่ง
                   มนุษยชาติ (Law  of  Humanity)  อันเป็น “กฎหมายเด็ดขาด” (jus cogens)  ซึ่งถือได้ว่าเป็นกฎหมาย
                   จารีตประเพณีระหว่างประเทศ ผู้กระท าความผิดจึงมิอาจที่จะยกเรื่องอายุความหรือเหตุ

                   นิรโทษกรรมขึ้นกล่าวอ้างเพื่อให้ตนเองหลุดพ้นจากความรับผิด เพื่อยกเว้นกฎหมายเด็ดขาด
                   แต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้ ธรรมนูญกรุงโรมฯ จึงได้รับรองหลักการไม่ใช้บังคับอายุความกับอาชญากรรม
                                                                                                       ๓๘๑
                   ระหว่างประเทศที่อยู่ในเขตอ านาจของศาลอาญาระหว่างประเทศ โดยก าหนดไว้ในข้อ ๒๙
                   ความว่า “อาชญากรรมภายในเขตอ านาจของศาลอาญาระหว่างประเทศไม่อยู่ภายใต้บังคับของอายุ
                   ความ”
                                         (๓.๒) หลักกำรเสริมเขตอ ำนำจศำลภำยในของรัฐภำคีโดยศำลอำญำระหว่ำง
                   ประเทศ (Principle of Complementarity)

                                         หลักการเสริมเขตอ านาจศาลภายในของรัฐโดยศาลอาญาระหว่างประเทศ
                   สะท้อนให้เห็นผ่านความในวรรคสามแห่งอารัมภบท (Preamble) ของธรรมนูญกรุงโรมฯ
                   ดังความตอนหนึ่งซึ่งระบุว่า “ยืนยันว่าอาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุดซึ่งอยู่ในความห่วงใยของประชาคม
                   ระหว่างประเทศโดยรวมจะต้องไม่ถูกปล่อยไปโดยมิได้รับการลงโทษ และการฟ้องร้องด าเนินคดี

                   อย่างมีประสิทธิภาพต้องได้รับการประกันโดยการใช้มาตรการระดับชาติและโดยการเสริมสร้าง
                                            ๓๘๒
                   ความร่วมมือระหว่างประเทศ”  และความอีกตอนหนึ่งในวรรคสิบแห่งอารัมภาบทซึ่งระบุว่า “ย้ าว่าศาล
                                                                                                       ๓๘๓
                   อาญาระหว่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นภายใต้ธรรมนูญศาลฯ นี้ต้องเสริมเขตอ านาจในทางอาญาของรัฐ”
                   หลักดังกล่าวมีเจตนารมณ์เพื่อให้ศาลอาญาระหว่างประเทศ (International  Criminal  Court) เป็น

                   “กลไกเสริม” กระบวนการยุติธรรมทางอาญาภายในของรัฐภาคี ในการด าเนินคดีแก่บุคคลที่ประกอบ
                   อาชญากรรมร้ายแรงระหว่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อประชาคมระหว่างประเทศ ในกรณีที่รัฐภาคี
                   ไม่สามารถด าเนินคดีนั้นได้หรือด าเนินคดีนั้นอย่างไม่มีประสิทธิภาพ โดยนัยดังกล่าว ศาลอาญาระหว่าง

                   ประเทศจึงอาจปฏิบัติหน้าที่และใช้อ านาจเหนือดินแดนของรัฐภาคีและเหนือดินแดนของรัฐอื่นใดตาม
                                 ๓๘๔
                   ความตกลงพิเศษ  ทั้งนี้ ไม่ว่ากระบวนการยุติธรรมตามระบบกฎหมายภายในของรัฐ หรือกระบวนการ
                   ยุติธรรมของศาลอาญาระหว่างประเทศ ล้วนแต่เป็นกลไกที่มุ่งประสงค์ที่จะรักษาไว้ซึ่งความยุติธรรมและ



                          ๓๘๑
                              Rome Statute, Article 29 Non-applicability of statute of limitations.
                          ๓๘๒
                              Rome Statute, Preamble, paragraph 3: “Affirming that the most serious crimes of
                   concern to the international community as a whole must not go unpunished and that their effective
                   prosectution must be ensured by taking measures at the national level and by enhancing
                   international cooperation.”
                          ๓๘๓
                              Rome Statute, Preamble, paragraph 10: “Emphasizing that the International Criminal
                   Court established under this Statute shall be complementary to national criminal jurisdictions.”
                          ๓๘๔
                              Rome Statute, Article 4 Legal status and powers of the Court, paragraph 2.
   160   161   162   163   164   165   166   167   168   169   170