Page 172 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 172
๑๕๕
(๑.๑) ผู้เสียหำยหรือผู้ได้รับผลกระทบทำงภำคเหนือ
เรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการด าเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการประกาศ
สงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดซึ่งก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายแก่ผู้เสียหายหรือผู้ได้รับผลกระทบ
ในพื้นที่ต่างๆ ทางภาคเหนือ ครอบคลุมจังหวัดต่างๆ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ล าปาง
และมีผู้เสียหายหรือผู้ได้รับผลกระทบจากการด าเนินนโยบายดังกล่าวของรัฐบาลประกอบด้วยผู้เสียหาย
ที่เป็นชายและหญิง คนชรา หรือแม้แต่ผู้เยาว์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มชาติพันธุ์และคนชายขอบ
เมื่อได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนต่างๆ ดังกล่าวแล้ว จะพบว่าความเดือดร้อน
เสียหายที่ผู้เสียหายหรือผู้ได้รับผลกระทบจากการด าเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการประกาศ
สงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด ประกอบด้วยความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียง และทรัพย์สิน
ของผู้เสียหายซึ่งเป็นประชาชนพลเมืองทั่วไป อันเกิดจากการกระท าโดยใช้ก าลังประทุษร้ายของบุคคล
หรือเจ้าหน้าที่ต ารวจซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในการด าเนินการให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในทุกเรื่อง
ร้องเรียน ทั้งนี้ จากเรื่องร้องเรียนทั้งหลาย ผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในขณะที่มี
ผู้เสียหายเพียงบางรายเท่านั้นที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ตัวอย่างเรื่องร้องเรียนของผู้เสียหายหรือผู้ได้รับผลกระทบจากการด าเนิน
นโยบายดังกล่าวของรัฐบาลที่เกิดขึ้นทางภาคเหนือ เช่น
กรณีศึกษำ: กำรจับกุมนำย พ. ผู้ใหญ่บ้ำนหมู่ที่ ๑ ต ำบลปำงมะผ้ำ และ
๓๙๓
ก ำนันต ำบลปำงมะผ้ำ อ ำเภอปำงมะผ้ำ จังหวัดแม่ฮ่องสอน
โดยที่มีค าสั่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ ๕๒๗/๒๕๔๖ เรื่อง ให้ก านันออกจาก
ต าแหน่ง มีสาระส าคัญเป็นการสั่งให้นาย พ. ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๑ ต าบลปางมะผ้า และก านันต าบล
ปางมะผ้า อ าเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ออกจากต าแหน่งเนื่องจาก ได้ปล่อยปละละเลย
ไม่ด าเนินการตามอ านาจหน้าที่อย่างจริงจัง ปล่อยให้มีการเสพ การจ าหน่ายยาเสพติดในเขตต าบล
หมู่บ้าน มีพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จนมีรายชื่ออยู่ในบัญชีของเจ้าหน้าที่ต ารวจ ทหาร และ
ส านักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงและ
ความปลอดภัยของประเทศ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ผู้อ านวยการศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะ
ยาเสพติดจังหวัดแม่ฮ่องสอนจึงมีค าสั่งอาศัยอ านาจตามมาตรา ๓๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติลักษณะ
ปกครองท้องที่ พุทธศักราช ๒๔๕๗ มาตรา ๑๔ (๗) แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่
พุทธศักราช ๒๔๕๗ และแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๓๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ ให้นาย พ. ออกจากต าแหน่งผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๑ ต าบลปางมะผ้า และก านันต าบลปางมะผ้า
อ าเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตั้งแต่วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๔๖ เป็นต้นไป
จากนั้น นาย พ. ก็ได้ถูกฟ้องคดีต่อศาลในฐานความผิดต่อพระราชบัญญัติ
ยาเสพติดให้โทษ ความผิดต่อพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระท าความผิดเกี่ยวกับ
ยาเสพติด โดยเป็นจ าเลยร่วมกับนาย บ. น้องชาย โดยถูกกล่าวหาว่าทั้งสองเป็นผู้ด าเนินการอยู่เบื้องหลัง
ร่วมกับกลุ่มขุนส่า และมีโรงงานผลิตยาเสพติดอยู่ที่บ้านน้ ากัด เขตรัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า
นาย พ. ได้ให้การว่า ตนไม่เคยกระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและไม่เคย
กระท าความผิดตามฟ้อง และตนได้รับเลือกเป็นก านันต าบลปางมะผ้า ตั้งแต่ปี ๒๕๓๓ – ๒๕๔๖ ได้ร่วม
๓๙๓ เรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่ ๒๗๗/๒๕๕๒ ซึ่งนาง ส. เป็นผู้ร้องแทนนาย พ.