Page 159 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 159
๑๔๒
๓๖๒
เกิดขึ้น การกระท านั้นเป็นอาชญากรรมที่อยู่ในเขตอ านาจของศาล” ประกอบกับข้อ ๑๑ วรรคหนึ่ง
ดังที่ก าหนดว่า “ศาลฯ มีเขตอ านาจเฉพาะกับอาชญากรรมซึ่งกระท าขึ้นหลังจากที่ธรรมนูญศาลฯ นี้ มีผล
๓๖๓
บังคับใช้” หลักไม่มีโทษโดยไม่มีกฎหมาย ก็ได้รับการรับรองไว้ในธรรมนูญกรุงโรมฯ โดยก าหนดไว้ใน
ข้อ ๒๓ ความว่า “บุคคลที่ถูกศาลฯ พิพากษาลงโทษต้องได้รับโทษตามที่ธรรมนูญศาลฯ นี้บัญญัติไว้
เท่านั้น” ซึ่งย่อมหมายความว่าบุคคลจะต้องรับโทษก็เฉพาะแต่ที่กฎหมาย ซึ่งในที่นี้ได้แก่ธรรมนูญกรุงโรม
ฯ ก าหนดไว้เท่านั้น และไม่เกินกว่าที่ธรรมนูญกรุงโรมฯ ก าหนด นอกจากนี้ ข้อ ๒๔ วรรคหนึ่ง ก็รับรอง
๓๖๔
หลักการไม่มีผลย้อนหลังของกฎหมายเหนือบุคคล อีกด้วย ดังที่ก าหนดว่า “บุคคลไม่ต้องรับผิดทาง
อาญาตามธรรมนูญศาลฯ นี้ส าหรับการกระท าก่อนที่ธรรมนูญศาลฯ จะมีผลบังคับใช้”
นอกจากนี้ หากในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอาญาระหว่างประเทศ
เกี่ยวกับการกระท าความผิดอาญา มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระท าความผิดนั้น
กติการะหว่างประเทศฯ ได้ก าหนดให้ศาลต้องใช้บังคับกฎหมายที่เป็นคุณแก่ผู้กระท าความผิด
ดังความที่ก าหนดไว้ในข้อ ๑๕ วรรคหนึ่ง ตอนท้าย ความว่า “...หากภายหลังการกระท าความผิดนั้น ได้
มีบบัญญัติของกฎหมายก าหนดโทษเบาลง ผู้กระท าความผิดย่อมได้รับประโยชน์จากบทบัญญัตินั้น” ใน
ท านองเดียวกัน ธรรมนูญกรุงโรมฯ ก็ได้ก าหนดให้ศาลต้องใช้บังคับกฎหมายที่เป็นคุณแก่ผู้กระท าความผิด
เช่นเดียวกัน ดังที่ก าหนดไว้ในข้อ ๒๔ วรรคสอง ความว่า “ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายที่บังคับ
ใช้ต่อคดีก่อนที่จะมีค าพิพากษาถึงที่สุด ให้ใช้กฎหมายที่เป็นคุณบังคับแก่บุคคลที่ถูกสอบสวน ถูกฟ้องร้อง
หรือถูกพิพากษา”
ประกำรที่สอง หลักกำรสันนิษฐำนควำมบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่ำวหำ
นอกจากหลักไม่มีความผิดไม่มีโทษโดยไม่มีกฎหมายดังกล่าวข้างต้นแล้ว
ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระท าความผิดยังได้รับการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพอีกประการหนึ่ง กล่าวคือ
ตราบใดที่ยังไม่มีค าพิพากษาของศาลว่าบุคคลนั้นกระท าความผิดตามที่ก าหนดไว้ในกฎหมายที่ใช้บังคับ
ในขณะกระท าความผิด ผู้ถูกกล่าวหาย่อมได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ หลักการสันนิษฐานความ
บริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาก็ได้รับการรับรองไว้โดยชัดแจ้งทั้งในกติการะหว่างประเทศฯ และในธรรมนูญกรุง
โรมฯ เช่นกัน
■ กติการะหว่างประเทศฯ นอกจากจะได้รับรองความเสมอภาคเท่าเทียมกัน
ของบุคคลในการพิจารณาของศาลและคณะตุลาการ และในการพิจารณาคดีอาญาซึ่งตนต้องหาว่ากระท า
ความผิดแล้ว กติการะหว่างประเทศฯ ยังได้รับรองหลักการสันนิษฐานความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาไว้
๓๖๕
โดยชัดแจ้งในข้อ ๑๔ วรรคสอง ซึ่งก าหนดว่า “บุคคลทุกคนซึ่งต้องหาว่ากระท าความผิดอาญา ต้องมี
สิทธิได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ตามกฎหมายได้ว่ามีความผิด”
๓๖๒
Rome Statute, Article 11 Jurisdiction ratione temporis.
๓๖๓
Rome Statute, Article 23 Nullum crimen sine lege.
๓๖๔
Rome Statute, Article 24 Non-retroactivity ratione personae.
๓๖๕
ICCPR, Article 14, paragraph 2.