Page 158 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 158

๑๔๑




                                          ก. หลักกำรคุ้มครองผู้ถูกกล่ำวหำและผู้เสียหำย
                                         กติการะหว่างประเทศฯ และธรรมนูญกรุงโรมฯ ได้ก าหนดหลักกฎหมาย

                   ระหว่างประเทศในทางอาญาเพื่อคุ้มครองผู้เกี่ยวข้องกับการกระท าความผิดอาญาระหว่างประเทศ
                   ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับผู้ถูกกล่าวหาว่ากระท าความผิด ได้แก่ ก.๑) หลักความรับผิดอาญาของผู้ถูกกล่าวหา
                   และในส่วนที่เกี่ยวกับผู้ได้รับความเสียหายจากการกระท าความผิด ได้แก่ ก.๒) หลักการเยียวยาความ
                   เสียหาย
                                          ก.๑) หลักควำมรับผิดอำญำของผู้ถูกกล่ำวหำ

                                         แม้ในทางระหว่างประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศที่รับรองและคุ้มครองสิทธิ
                   และเสรีภาพขั้นพื้นฐานของบุคคลดังเช่นกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
                   ก็ดี กฎหมายระหว่างประเทศที่ก าหนดให้ผู้กระท าความผิดอาญาร้ายแรงต้องได้รับโทษทางอาญาดังเช่น
                                                            ๓๕๙
                   ธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ  ก็ดี ต่างก็ได้ก าหนดบทบัญญัติที่เป็นการรับรองและ
                   คุ้มครองสิทธิของบุคคลผู้ถูกกล่าวหาว่ากระท าความผิดอาญาไว้เช่นกัน อันได้แก่ ประกำรที่หนึ่ง หลักไม่มี
                   ความรับผิด ไม่มีโทษ โดยไม่มีกฎหมาย ประกำรที่สอง หลักการสันนิษฐานความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวว่า
                   กระท าความผิด และ ประกำรที่สำม หลักการตีความอาชญากรรมโดยเคร่งครัด

                                         ประกำรที่หนึ่ง หลักไม่มีควำมรับผิด ไม่มีโทษ โดยไม่มีกฎหมำย
                                         บุคคลที่กระท าการอย่างหนึ่งอย่างใดและถูกกล่าวหาว่าการกระท าเช่นนั้นเป็น
                   ความความผิดกฎหมายระหว่างประเทศหรือเป็นความผิดอาญาระหว่างประเทศ จะต้องปรากฏชัดเจนเสีย
                   แต่ในเบื้องต้นว่าการกระท าการเช่นนั้นมีกฎหมายบัญญัติให้เป็นความผิด กล่าวอีกนัยหนึ่ง หาก “ในขณะที่

                   บุคคลกระท าการ” อย่างหนึ่งนั้น ไม่มีกฎหมายก าหนดให้การกระท าเช่นนั้นเป็นความผิดแล้ว บุคคลที่
                   กระท าการเช่นนั้นย่อมไม่มีความผิด และแม้ต่อมาจะได้มีกฎหมายก าหนดให้การกระท าเช่นนั้นเป็น
                   ความผิดก็ตาม กฎหมายนั้นก็ “ไม่มีผลย้อนหลัง” ให้เป็นโทษแก่บุคคลที่กระท าการนั้นแต่อย่างใด หลัก
                   ดังกล่าวเป็นไปตาม “หลักความชอบด้วยกฎหมายอาญา” (Nullum Crimen Sine Lege, Nulla Poena

                   Sine Lege) ผลที่ตามมาก็คือ บุคคลที่กระท าการนั้น (ซึ่งยังไม่มีกฎหมายก าหนดให้เป็นความผิด) จึงไม่มี
                   ความรับผิดและย่อมไม่ต้องรับโทษใดๆ
                                         หลักไม่มีความผิด ไม่มีโทษ โดยไม่มีกฎหมาย ปรากฏให้เห็นชัดแจ้งทั้งในกติกา

                   ระหว่างประเทศฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในธรรมนูญกรุงโรมฯ
                                         ■ กติการะหว่างประเทศฯ   รับรองหลักไม่มีความรับผิด ไม่มีโทษ
                                                                ๓๖๐
                   โดยไม่มีกฎหมายไว้อย่างชัดแจ้ง ในข้อ ๑๕ วรรคหนึ่ง  ความว่า “บุคคลไม่ต้องรับผิดทางอาญาเพราะ
                   กระท าหรืองดเว้นกระท าการใดซึ่งในขณะที่กระท าไม่เป็นความผิดอาญาตามกฎหมายภายในหรือกฎหมาย
                   ระหว่างประเทศ และจะลงโทษให้หนักกว่าโทษที่มีอยู่ในขณะที่ได้กระท าความผิดอาญาไม่ได้...”

                                         ■ ธรรมนูญกรุงโรมฯ ข้อ ๒๒ วรรคหนึ่ง รับรองหลักไม่มีความผิดโดยไม่มี
                          ๓๖๑
                   กฎหมาย  โดยก าหนดว่า “บุคคลไม่ต้องรับผิดอาญาตามธรรมนูญศาลฯ นี้ เว้นแต่ ในขณะที่การกระท า



                          ๓๕๙
                              Rome Statute, Part 3. General Principles of Criminal Law.
                          ๓๖๐
                              ICCPR, Article 15, paragraph 1.
                          ๓๖๑
                              Rome Statute, Article 22 Nullum crimen sine lege.
   153   154   155   156   157   158   159   160   161   162   163