Page 119 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 119

๑๐๒




                                         การทรมานตามนัยแห่งอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ มุ่งเน้นที่เงื่อนไขส าคัญ
                   สามประการ ได้แก่ ลักษณะของการกระท า บุคคลผู้กระท า และวัตถุประสงค์ของการกระท าทรมาน

                   กล่าวคือ
                                         ประกำรที่หนึ่ง การกระท าทรมานเป็นการกระท าซึ่งผู้กระท ามุ่งหมายให้เกิด
                   ความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานอย่างร้ายแรง (severe  pain or  suffering)  แก่บุคคลหนึ่ง
                   ไม่ว่าจะกระท าในรูปแบบหรือลักษณะใดๆ ให้เกิดความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานอย่างร้ายแรง
                   เช่นนั้น

                                         ประกำรที่สอง การกระท าทรมานจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับเจ้าพนักงานของ
                   รัฐ (a  public  offial) โดยเป็นการกระท าโดยเจ้าพนักงานของรัฐโดยตรง หรือเป็นการกระท าของบุคคล
                   อื่นหากแต่ได้รับความยินยอมหรือการรู้เห็นของเจ้าพนักงานของรัฐ หรือกระท าโดยบุคคลอื่น

                   ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ (an official  capacity) กล่าวอีกนัยหนึ่ง การกระท าทรมาน
                   ตามนัยแห่งอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ มุ่งไปที่การกระท าโดยใช้หรืออาศัย “อ านาจรัฐ” ในการกระท า
                   การเป็นส าคัญนั่นเอง
                                         ประกำรที่สำม การกระท าทรมานโดยเจ้าพนักงานของรัฐเป็นไปเพื่อให้บรรลุ

                   วัตถุประสงค์ประการใดประการหนึ่งตามที่ก าหนดไว้ในอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ ได้แก่ เพื่อให้ได้รับ
                   ข้อมูลหรือค ารับสารภาพจากบุคคลหนึ่งหรือบุคคลที่สาม เพื่อลงโทษบุคคลนั้นส าหรับการกระท าการของ
                   บุคคลนั้นหรือบุคคลที่สามหรือส าหรับการต้องสงสัยว่าได้กระท าการนั้น เพื่อข่มขู่หรือบังคับขู่เข็ญบุคคล
                   นั้นหรือบุคคลที่สาม หรือเพื่อเหตุผลใดๆ อันเป็นการเลือกปฏิบัติไม่ว่าในลักษณะใดๆ ต่อบุคคล

                                         อนึ่ง หากการกระท าทรมานเช่นนั้นได้กระท าโดยมีลักษณะหรือเข้าเงื่อนไขต่างๆ
                   ของธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ ค.ศ. ๑๙๙๘ ด้วยแล้วการทรมานนั้นจะยกระดับ
                                                                                   ๑๘๘
                   เป็น “การกระท าความผิดต่อมนุษยชาติ” (“Crime  against  humanity”)  และเป็นความผิดอาญา
                   ร้ายแรงระหว่างประเทศตามธรรมนูญกรุงโรมฯ ด้วย

                                         อนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ ยังก าหนดไว้โดยชัดแจ้งว่า ไม่มีสถานการณ์คับ
                   ขันอย่างใดๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาวะสงครามหรือภัยคุกคามเกี่ยวกับสงคราม (a state of war or a threat
                   of  war) ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศ (internal  political  instability) หรือภาวะ

                   ฉุกเฉินสาธารณะอื่นใด (any other public emergency) ที่จะถูกยกขึ้นกล่าวอ้างเพื่อเป็นเหตุผลของการ
                               ๑๘๙
                   ท าการทรมาน  ในท านองเดียวกัน ค าสั่งของผู้บังคับบัญชาหรือองค์กรของรัฐย่อมมิอาจถูกยกขึ้นกล่าว
                                                     ๑๙๐
                   อ้างเพื่อเป็นเหตุผลของการท าการทรมาน  แต่อย่างใด

                   act he or a third person has committed or is suspected of having committed, or intimidating or
                   coercing him or a third person, or for any reason based on discrimination of any kind, when such
                   pain or suffering is inflicted by or at the instigation of or with the consent or acquiescence of a
                   public official or other person acting in an official capacity. It does not include pain or suffering
                   arising only from, inherent in or incidental to lawful sanctions.”
                          ๑๘๘
                              Rome Statute of International Criminal Court 1998, Article 7 Crimes against humanity,
                   paragraph 2 (e).
                          ๑๘๙
                              CAT, Article 2, paragraph 2.
                          ๑๙๐
                              CAT, Article 2, paragraph 3.
   114   115   116   117   118   119   120   121   122   123   124