Page 109 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 109

๙๒




                   ผูกพันตามสนธิสัญญา ก่อนที่สนธิสัญญาจะมีผลใช้บังคับและมีเงื่อนไขว่าจะไม่เลื่อนการมีผลใช้บังคับของ
                                          ๑๗๔
                   สนธิสัญญาออกไปโดยมิชอบ
                                         โดยนัยดังกล่าว แม้รัฐจะยังมิได้ให้สัตยาบันแก่สนธิสัญญาหรือข้อตกลงระหว่าง
                   ประเทศต่างๆ แต่การลงนามในสนธิสัญญาย่อมน ามาซึ่งพันธกรณีในทางปฏิบัติที่จะต้องไม่กระท าการใดๆ
                   อันจะก่อให้เกิดผลกระทบหรือเป็นอุปสรรคต่อวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของสนธิสัญญา อันเป็น
                   พันธกรณีที่เกิดขึ้นตามหลักกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศซึ่งมีที่มาจากหลักสุจริต
                               ๑๗๕
                   (Bona  Fide)  การลงนามในสนธิสัญญาจึงแสดงถึงเจตจ านงในระดับหนึ่งของรัฐในลักษณะที่เห็นด้วย
                   หรือเห็นชอบกับวัตถุประสงค์และสารัตถะของสนธิสัญญานั้น รัฐจึงต้องผูกพันตามหลักสุจริตที่จะต้อง
                   ไม่กระท าการใดๆ หรือยอมให้มีการกระท าใดๆ อันเป็นการขัดหรือกระทบต่อสนธิสัญญาที่ได้ลงนามไว้
                                         นอกจากนี้ สนธิสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างประเทศต่างๆ ยังอาจเปิดโอกาส

                   ให้รัฐที่ยังมิได้ให้สัตยาบันหรือแสดงความยินยอมที่จะผูกพันตามสนธิสัญญาหรือข้อตกลงนั้น
                   ใช้สิทธิประโยชน์ตามที่ก าหนดไว้ในสนธิสัญญาก่อนที่รัฐจะให้สัตยาบันหรือแสดงความยินยอมใดๆ
                   โดยจัดท าหรือเสนอเรื่องที่เกี่ยวข้องต่อองค์กรตามสนธิสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างประเทศนั้นก็ได้
                   อันแสดงให้เห็นถึงเจตจ านงในทางปฏิบัติของรัฐที่จะผูกพันตามสนธิสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างประเทศ

                   นั้นต่อไปในอนาคต
                                         (๒.๒) หน้ำที่ของรัฐในกำรให้ควำมคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
                                         ตามกฎหมายภายในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ รัฐจึงมีหน้าที่จะต้อง
                   รับรองและรับประกันสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานทั้งหลายของบุคคลอันเป็นสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการรับรอง

                   และคุ้มครองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยนัยดังกล่าวรัฐจะต้องเคารพสิทธิมนุษยชนของบุคคล
                   และจะต้องไม่กระท าการใดๆ อันเป็นการแทรกแซงสิทธิมนุษยชนของบุคคลโดยมิชอบ อีกทั้งยังจะต้อง
                   ก าหนดมาตรการที่เหมาะสมและจ าเป็นเพื่อป้องกันมิให้มีการกระท าใดๆ ที่เป็นการแทรกแซงหรือ
                   ล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชนของบุคคลโดยปัจเจกชน ตลอดจนมาตรการในการลงโทษผู้กระท าการอันมิชอบ

                   และเยียวยาความเสียหายแก่ผู้ได้รับความเสียหายจากการกระท าการอันมิชอบเช่นนั้น
                                         อย่างไรก็ตาม โดยที่รัฐมีอ านาจหน้าที่ในการดูแลและรักษาความสงบเรียบร้อย
                   ในประเทศ เพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองและประชาชนโดยส่วนรวม ดังนั้น จึงอาจมีบางสถานการณ์ที่รัฐ

                   มีความจ าเป็นที่จะต้องด าเนินมาตรการบางประการเพื่อประโยชน์สาธารณะซึ่งอาจมีผลเป็นการแทรกแซง
                   สิทธิหรือเสรีภาพขั้นพื้นฐานประการหนึ่งประการใดที่มีลักษณะเป็นสิทธิมนุษยชนของบุคคลหนึ่งบุคคลใด
                   ได้ แต่ก็มิได้หมายความว่ารัฐจะด าเนินมาตรการหรือกระท าการเช่นนั้นได้ตามอ าเภอใจแต่อย่างใด
                   เนื่องจากสิทธิมนุษยชนได้รับการรับรองและคุ้มครองตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ
                   จนกระทั่งพัฒนาเป็นหลักสิทธิมนุษยชนสากลอันได้รับการรับรองและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดจากประเทศ

                   ต่างๆ ทั่วโลกดังที่ได้กล่าวข้างต้นแล้ว ดังนั้น การที่รัฐจะด าเนินมาตรการหรือกระท าการใดๆ อันอาจมีผล
                   เป็นการแทรกแซงสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานประการใดประการหนึ่งของบุคคล รัฐจึงต้องกระท าโดยตั้งอยู่
                   บนพื้นฐานของหลักเกณฑ์อันเป็นข้อยกเว้นที่กฎหมายหรือกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องได้ก าหนด





                          ๑๗๔
                              Vienna Convention, Article 18, paragraph 2.
                          ๑๗๕
                              โปรดดู ประสิทธิ์ เอกบุตร, อ้างแล้ว, น. ๑๓๐.
   104   105   106   107   108   109   110   111   112   113   114