Page 105 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 105
๘๘
๑๕๘
หรือประชาชนประเทศอื่นๆ โดยถือว่าการเข้าแทรกแซงนั้นชอบด้วยหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
ดังนั้น ปัจจุบันรัฐใดรัฐหนึ่งจึงไม่อาจอ้างได้ว่าสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องที่ “ตกอยู่เขตอ านาจภายในของรัฐ”
(Domestic Jurisdiction) ของตนโดยเด็ดขาดได้อีกต่อไป แต่ได้วิวัฒนาการมาเป็น “สิทธิระหว่าง
ประเทศ” (International Rights) ที่รัฐซึ่งเป็นภาคีแห่งข้อตกลงระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนอาจ
อ้างข้อตกลงนั้นๆ เข้าตรวจสอบ หรือมีมติให้ใช้มาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อยุติการละเมิดสิทธิ
๑๕๙
มนุษยชนหรือแก้ไขเยียวยาความเดือดร้อนอันเกิดจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนในรัฐใดรัฐหนึ่งได้
การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนจึงปรากฏให้เห็นทั้งในกฎหมายภายในแห่งรัฐและ
กฎหมายระหว่างประเทศที่รัฐหนึ่งๆ เข้าเป็นภาคี ให้การรับรอง หรือให้สัตยาบัน นอกจากนี้
เมื่อรัฐมีข้อผูกพันหรือพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศต่างๆ แล้ว รัฐย่อมมีหน้าที่จะต้องให้ความ
คุ้มครองแก่สิทธิมนุษยชนของประชาชนทุกคนในรัฐของตน
ดังนั้น ในส่วนนี้ จะได้กล่าวถึง (๒.๑) ที่มาแห่งข้อผูกพันหรือพันธกรณีของรัฐใน
การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และ (๒.๒) หน้าที่ของรัฐในการให้ความคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
(๒.๑) ที่มำแห่งข้อผูกพันหรือพันธกรณีของรัฐในกำรคุ้มครอง
สิทธิมนุษยชน
ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น รัฐทุกรัฐมีหน้าที่ให้ความคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของ
บุคคลทุกคนมิให้ถูกล่วงละเมิดหรือมีการกระท าการฝ่าฝืนโดยมิชอบ หน้าที่เช่นนั้นของรัฐมีที่มาทั้งจาก
กฎหมายภายในของรัฐหนึ่ง และกฎหมายระหว่างประเทศที่รัฐหนึ่งเข้าเป็นภาคี ให้การรับรอง หรือให้
สัตยาบัน
โดยนัยดังกล่าว ข้อผูกพันหรือพันธกรณีของรัฐในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนจึง
มีที่มาในสองระดับ ได้แก่ (๒.๑.๑) ข้อผูกพันของรัฐตามกฎหมายภายในแห่งรัฐ และ (๒.๑.๒) พันธกรณี
ของรัฐตามกฎหมายระหว่างประเทศ
(๒.๑.๑) ข้อผูกพันของรัฐตำมกฎหมำยภำยในแห่งรัฐ
โดยทั่วไปแล้ว รัฐแต่ละแห่งมักจะก าหนดบทบัญญัติเพื่อรับรองและให้
ความคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชนทุกคนไว้ในกฎหมาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมาย
ในระดับสูงสุดของรัฐ กล่าวคือ รัฐธรรมนูญ ตัวอย่างเช่น สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สาธารณรัฐฝรั่งเศส
ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งประเทศไทย ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าสิทธิมนุษยชนซึ่ง
ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐแต่ละแห่งจึงมี “คุณค่า”
หรือ “สถานะทางกฎหมาย” (legal value or status) ในระดับรัฐธรรมนูญเลยทีเดียว รัฐจึงมี
ข้อผูกพันหรือหน้าที่ที่จะต้องรับประกันและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชนพลเมืองแห่งรัฐตน
ให้ได้รับการเคารพโดยเสมอภาคและเท่าเทียมกันและโดยปราศจากการแบ่งแยกหรือการเลือกปฏิบัติ
อันมิชอบ และมีหน้าที่จะต้องก าหนดมาตรการเพื่อคุ้มครองมิให้มีการกระท าอันเป็นการแทรกแซง
(interference) หรือการละเมิด (violation) สิทธิมนุษยชนจากการกระท าของปัจเจกชน
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องไม่กระท าการอันเป็นการแทรกแซงหรือ
การละเมิดสิทธิมนุษยชนของบุคคลโดยมิชอบเสียเอง
๑๕๘
เพิ่งอ้าง, น. ๒๓.
๑๕๙ เพิ่งอ้าง, น. ๕.