Page 108 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 108

๙๑




                                                                                ๑๖๗
                   ที่จะผูกพันตามสนธิสัญญาได้กระท าลงโดยรัฐที่ร่วมเจรจาทั้งหลายแล้ว  เมื่อรัฐได้ให้ความยินยอม
                   ที่จะผูกพันตามสนธิสัญญาภายหลังจากวันที่สนธิสัญญามีผลใช้บังคับ สนธิสัญญามีผลใช้บังคับส าหรับ
                                                                                                  ๑๖๘
                   รัฐนั้นนับแต่วันที่รัฐนั้นแสดงความยินยอมเช่นนั้น เว้นแต่สนธิสัญญาจะก าหนดไว้เป็นอย่างอื่น  ทั้งนี้
                   ข้อก าหนดของสนธิสัญญาที่วางเกณฑ์เกี่ยวกับการยืนยันความถูกต้องของข้อก าหนดต่างๆ
                   การแสดงความยินยอมของรัฐที่จะผูกพันตามสนธิสัญญา วิธีการหรือวันที่สนธิสัญญามีผลใช้บังคับ
                   ข้อสงวน หน้าที่ของผู้รับฝากสนธิสัญญา และเรื่องอื่นๆ ที่ย่อมจะต้องเกิดขึ้นก่อนวันที่สนธิสัญญา
                                                                                                ๑๖๙
                   มีผลใช้บังคับ ให้ใช้บังคับได้นับแต่วันที่ได้แสดงการยอมรับข้อก าหนดของสนธิสัญญา เป็นต้นไป
                                         ■ กรณีรัฐลงนำม แต่ยังมิได้ให้สัตยำบันสนธิสัญญำ
                                         ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น ความผูกพันของรัฐตามสนธิสัญญาหรือกฎเกณฑ์
                   ระหว่างประเทศต่างๆ จะเกิดขึ้นเมื่อรัฐได้แสดงความยินยอมเข้าผูกพันด้วยการให้สัตยาบัน ดังนั้น การ
                                                                                                ๑๗๐
                   ลงนามของผู้แทนรัฐในสนธิสัญญาในทางหลักการจึงไม่ก่อให้เกิดผลผูกพันต่อรัฐทันทีทันใดได้  จนกว่า
                   จะมีการให้สัตยาบันหรือการให้ความยินยอมในรูปแบบต่างๆ แก่สนธิสัญญานั้น
                                         โดยนัยดังกล่าว แม้รัฐจะได้ลงนามสนธิสัญญา หากแต่ยังมิได้ให้สัตยาบันหรือให้
                   ความยินยอมแก่สนธิสัญญานั้น อันท าให้รัฐยังไม่มีความผูกพันตามสนธิสัญญานั้นอย่างเป็นทางการ

                   แต่อย่างใด แต่แม้กระนั้นก็ตาม โดยที่การจัดท าสนธิสัญญาเป็นข้อตกลงระหว่างรัฐและเป็นการกระท าของ
                                                                          ๑๗๑
                   รัฐซึ่งมีวัตถุประสงค์ต่อผลในทางกฎหมายให้สนธิสัญญามีผลผูกพัน  ดังนั้น แม้ว่าสนธิสัญญาจะยังไม่มี
                   ผลใช้บังคับกับรัฐที่ลงนามในสนธิสัญญาก็ตาม แต่ย่อมต้องถือว่ารัฐนั้นย่อมมี “ความผูกพันทาง
                   ข้อเท็จจริง” หรือในทางปฏิบัติ (de facto) หรือ “พันธกรณีอันเกิดจากความประพฤติ” (Obligation of

                   conduct) ได้  ในอันที่จะต้องไม่กระท าการใดหรืออนุญาตให้มีการกระท าใดที่ขัดหรือแย้งหรือฝ่าฝืนต่อ
                   ข้อก าหนดในประการต่างๆ ดังที่ก าหนดไว้ในสนธิสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างประเทศนั้นๆ ซึ่งแสดงถึง
                   “ความซื่อสัตย์สุจริต” ในความประพฤติของรัฐที่ลงนามในสนธิสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างประเทศ
                                                               ๑๗๒
                   ดังที่ก าหนดไว้ในข้อ ๑๘ แห่งอนุสัญญากรุงเวียนนาฯ  กล่าวคือ รัฐจะต้องงดเว้นการกระท าใดๆ ที่อาจ
                   มีผลลบล้างวัตถุประสงค์ของสนธิสัญญา เมื่อรัฐนั้นได้ลงนามในสนธิสัญญาหรือได้แลกเปลี่ยนตราสาร
                   จัดท าสนธิสัญญาภายใต้เงื่อนไขแห่งการให้สัตยาบัน การยอมรับ หรือการให้ความเห็นชอบ จนกว่ารัฐนั้น
                                                                     ๑๗๓
                   จะได้แสดงเจตจ านงที่ชัดเจนว่าจะไม่เข้าเป็นภาคีสนธิสัญญา  หรือเมื่อรัฐนั้นได้แสดงความยินยอมที่จะ

                          ๑๖๗
                              Vienna Convention, Article 24, paragraph 2.
                          ๑๖๘
                              Vienna Convention, Article 24, paragraph 3.
                          ๑๖๙
                              Vienna Convention, Article 24, paragraph 4.
                          ๑๗๐
                              โปรดดู ประสิทธิ์ เอกบุตร, อ้างแล้ว, น. ๑๐๐.
                                 ด้วยเหตุนี้ การจัดท าสนธิสัญญาส่วนใหญ่จึงมักจะก าหนดเงื่อนไขการให้สัตยาบัน (หรือการแสดง
                   ความยินยอมในลักษณะใดๆ ตามที่ก าหนดในสนธิสัญญา) ภายหลังการลงนามในสนธิสัญญา (signature subject to
                   ratification or acceptance)
                          ๑๗๑
                              โปรดดู ประสิทธิ์ เอกบุตร, อ้างแล้ว, น. ๑๒๙.
                          ๑๗๒
                              Vienna Convention, Article 18. OBLIGATION NOT TO DEFEAT THE OBJECT AND PURPOSE
                   OF A TREATY PRIOR TO ITS ENTRY INTO FORCE
                          ๑๗๓
                              Vienna Convention, Article 18, paragraph 1.
   103   104   105   106   107   108   109   110   111   112   113