Page 95 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน
P. 95
จุดร่วมของประเทศสมาชิกอาเซียนในการเป็นภาคีตราสารด้านสิทธิมนุษยชนยังมีเพียงสองฉบับ คือ อนุสัญญาว่าด้วย
สิทธิเด็ก (CRC) และอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (CEDAW) โดยสมาชิกอาเซียน
บางประเทศเข้าเป็นภาคีในตราสารด้านสิทธิมนุษยชนเพียง ๓ ฉบับเท่านั้น นอกจากนั้น ยังต้องพิจารณาการเข้าเป็นภาคีใน
พิธีสารเลือกรับ (Optional Protocol) ของตราสารแต่ละฉบับประกอบด้วย ประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าแสดงความ
จริงจังและก้าวหน้าในการคุ้มครองสิทธิเด็ก โดยได้เป็นประเทศแรก (และปัจจุบันยังเป็นประเทศเดียว) ในอาเซียนที่เข้าเป็น
ภาคีพิธีสารเลือกรับฉบับที่ ๓ ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งก�าหนดกระบวนการร้องเรียนประเทศสมาชิกที่ไม่ปฏิบัติ
ตามพันธกรณีจากอนุสัญญาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยก็ยังมิได้เข้าเป็นภาคีในพิธีสารเลือกรับตามอนุสัญญา
อื่น ๆ เช่น อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการ (CRPD) ทั้งที่ก�าหนดกระบวนการร้องเรียนการไม่ปฏิบัติตามอนุสัญญาของ
ประเทศสมาชิก เช่นเดียวกับพิธีสารเลือกรับฉบับที่ ๓ ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กเช่นเดียวกัน
ประเด็นที่เกี่ยวข้องกัน คือ การถอนข้อสงวนหรือแถลงการณ์ที่มีผลเป็นการจ�ากัดขอบเขตพันธกรณี
ตามตราสารสิทธิมนุษยชน การที่ประเทศสมาชิกเข้าเป็นภาคีตราสารสิทธิมนุษยชน มิได้หมายความว่าจะก่อให้เกิดพันธกรณี
ตามที่ก�าหนดไว้ในตราสารนั้นอย่างเต็มรูปแบบ หากประเทศดังกล่าวมีข้อสงวน (Reservation) หรือยื่นค�าแถลงการณ์
ซึ่งจะท�าให้ขอบเขตการบังคับใช้ตราสารที่เข้าเป็นภาคีจ�ากัดลง โดยจากข้อมูลที่ปรากฏเป็นตัวอย่างในตารางที่ ๘ แสดง
ให้เห็นว่า แม้แต่ในอนุสัญญาด้านเด็กและสตรี ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งสิบประเทศได้เข้าเป็นภาคีแล้ว ก็ยังมีขอบเขต
การปฏิบัติการที่แตกต่างกัน สมควรที่ประเทศไทยจะแสดงความเป็นผู้น�าโดยการพิจารณาถอนข้อสงวนหรือเพิกถอน
ค�าแถลงการณ์ต่าง ๆ ที่ได้ยื่นในการเข้าเป็นภาคีตราสารสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ เพื่อแสดงให้ประเทศสมาชิกอื่นเห็นถึงแนวทาง
ที่สมควรด�าเนินการในเรื่องดังกล่าว
ประเด็นสุดท้ายเกี่ยวกับตราสารสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ คือ การเสริมสร้างมาตรการภายใน
ประเทศที่ท�าให้การอนุวัติการตามพันธกรณีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งเป็นประเด็นที่ส�าคัญที่สุด เนื่องจากการส่งเสริม
และคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่มีประสิทธิภาพที่สุด ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงในเชิงประจักษ์ว่า นอกจากประเทศต่าง ๆ จะได้
เข้าเป็นภาคีตราสารสิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นเงื่อนไขเชิงกระบวนการแล้ว ประเทศที่เป็นภาคีดังกล่าว ได้อนุวัติการให้เป็นไป
ตามพันธกรณีหรือไม่ อย่างไร มิเช่นนั้นการเข้าเป็นภาคีย่อมมีคุณค่าเพียงในเชิงสัญลักษณ์และใช้เป็นผลงานทางการเมือง
ระหว่างประเทศที่ไม่ส่งผลดีอย่างแท้จริงต่อประชาชนในประเทศภาคี หากพิจารณาจากตารางที่ ๙ ซึ่งแสดงการเข้าเป็น
ภาคีของประเทศสมาชิกอาเซียนในตราสารสิทธิมนุษยชนทั้ง ๙ ฉบับ จะเห็นได้ว่าบางประเทศได้เข้าเป็นภาคีเกือบทุกหรือ
ทุกฉบับ แต่ในทางปฏิบัติยังปรากฏประเด็นปัญหาการให้ความคุ้มครองสิทธิมนุษยชนตามตราสารต่างๆ ที่ได้เข้าเป็นภาคี
อยู่อีกมากมาย ส�าหรับประเทศไทยซึ่งได้เป็นภาคีในตราสารสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศแล้ว ๗ ฉบับจึงจ�าต้องด�าเนิน
การอนุวัติการตามพันธกรณีอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งสามประเด็นที่ได้เสนอเป็นแนวทางข้างต้นนั้น ล้วนเป็นประเด็นที่ประเทศไทยได้แสดงท่าทีต่อ
นานาประเทศว่าสามารถด�าเนินการได้ โดยในการพิจารณารายงานของประเทศไทยในกระบวนการทบทวนสถานการณ์
สิทธิมนุษยชน (Universal Periodic Review) ที่จัดตั้งขึ้นโดยคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (Human
Rights Council) 59
59 รายงานการด�าเนินการตามข้อแนะน�าและค�ามั่นโดยสมัครใจของประเทศไทยในรอบการพิจารณาสถานการณ์สิทธิมนุษยชน
รอบแรก (Highlights of Thailand’s implementation of recommendations and voluntary pledges under the first cycle
of the Universal Periodic Review 2012-2014 (Mid-term update)) สืบค้นจาก http://ohchr.org/EN/HRBodies/UPR/Pages/
UPRImplementation.aspx เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๘
94
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ