Page 90 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 90
ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
เพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ เนื่องจากการยื่นข้อพิพาทต่อศาลเป็นดุลพินิจของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของภูมิภาคอเมริกา
หรือรัฐภาคี ซึ่งมีหลายกรณีที่คณะกรรมการไม่ได้น�าส่งข้อพิพาทขึ้นสู่ศาลต่อไป จึงท�าให้ในหลายกรณีที่เป็นประเด็นน่าสนใจ
ยังไม่มีค�าชี้ขาดของศาลสิทธิมนุษยชนของภูมิภาคอเมริกาอันจะมีผลผูกพันคู่ความ แต่มีเพียงรายงานและข้อเสนอแนะของ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของภูมิภาคอเมริกาเท่านั้น
๓.๒.๒ ค�าวินิจฉัยของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และค�าพิพากษาของศาลสิทธิมนุษยชนแห่ง
ภูมิภาคอเมริกาที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
เนื่องจากปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นปัญหามลพิษ
ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือร่างกายของมนุษย์ ก่อให้เกิดโรคร้ายหรืออาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังกระทบต่อความเป็นอยู่ของ
ชนพื้นเมืองที่มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมสัมพันธ์ใกล้ชิดกับธรรมชาติ จึงท�าให้เกิดข้อพิพาททางสิ่งแวดล้อมขึ้น
ในตอนแรก อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งอเมริกายังไม่ได้มีการบัญญัติรับรองหรือคุ้มครองสิทธิใน
สิ่งแวดล้อม (Right to Environment) ไว้โดยตรง สิทธิในสิ่งแวดล้อมจึงยังไม่ใช่สิทธิมนุษยชนในตัวเอง ดังนั้น การที่
ผู้เสียหายต้องการน�าข้อพิพาททางสิ่งแวดล้อมมาร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของภูมิภาคอเมริกาหรือศาล
สิทธิมนุษยชนของภูมิภาคอเมริกา จึงไม่สามารถกล่าวอ้างเพียงแค่ว่ามีการละเมิดสิทธิในสิ่งแวดล้อม เพื่อให้คณะกรรมการ
สิทธิมนุษยชนของภูมิภาคอเมริกาหรือศาลสิทธิมนุษยชนของภูมิภาคอเมริกาได้ชี้ขาดว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้
ทั้งนี้ สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานประการหนึ่งที่อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งอเมริกาได้บัญญัติรับรอง
82
และคุ้มครองไว้ คือ สิทธิในการมีชีวิต (Right to Life) เมื่อปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ก่อผลกระทบต่อชีวิตหรือสุขภาพร่างกาย
ของมนุษย์ กรณีดังกล่าวจึงมักถูกอ้างว่าเป็นการละเมิดต่อสิทธิในการมีชีวิตอันเป็นสิทธิมนุษยชนประการหนึ่ง และมัก
อาศัยเหตุนี้ในการแสดงว่าคดีพิพาททางสิ่งแวดล้อมนั้นมีประเด็นปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ต่อมา ในปี ค.ศ. ๑๙๘๘ ได้เกิดร่างพิธีสารเพิ่มเติมอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งอเมริกาเกี่ยวกับสิทธิ
ทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (The Additional Protocol to the American Convention on Human Rights
in the Area of Economic, Social, and Cultural Rights) ณ กรุงซานซัลวาดอร์ ประเทศเอลซัลวาดอร์ หรือที่เรียกโดย
ย่อว่า “พิธีสารซานซัลวาดอร์” (Protocol of San Salvador) มีผลบังคับใช้ในปี ค.ศ. ๑๙๙๙
พิธีสารซานซัลวาดอร์มีการกล่าวถึงสิทธิในสิ่งแวดล้อมไว้อย่างชัดเจน ในมาตรา ๑๑ ว่าด้วยสิทธิใน
สิ่งแวดล้อมที่ดี (Right to a Healthy Environment) โดยในวรรคแรกของ มาตรา ๑๑ กล่าวว่า “Everyone shall
have the right to live in a healthy environment and to have access to basic public services.” (มนุษย์
ทุกคนย่อมมีสิทธิในการอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีและย่อมมีสิทธิในการเข้าถึงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน) จึงสามารถกล่าว
ได้ว่า ภูมิภาคอเมริกามีสนธิสัญญาภายในภูมิภาคที่รับรองให้สิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นสิทธิมนุษยชนประการหนึ่งอัน
จะต้องได้รับความคุ้มครองภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งอเมริกาและพิธีสารซานซัลวาดอร์ การมีพิธีสารเพิ่มเติม
ซึ่งมีเนื้อหารับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีเช่นนี้ย่อมส่งผลต่อแนวทางการตีความของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของ
ภูมิภาคอเมริกาและศาลสิทธิมนุษยชนของภูมิภาคอเมริกาในการที่จะพิจารณาว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ โดย
พิจารณาที่การละเมิดสิทธิในสิ่งแวดล้อมโดยตรง ไม่ต้องอาศัยการอ้างอิงผ่านสิทธิในการมีชีวิต
82 Article 4 of the American Convention on Human Rights.
89