Page 93 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 93

ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ







                          89
           environment.”) ทั้งยังได้กล่าวด้วยว่าการบกพร่องของรัฐในการออกระเบียบหรือมาตรการเพื่อป้องกันปัญหา
           ร้ายแรงเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอาจเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอันได้รับความคุ้มครองภายใต้อนุสัญญาว่าด้วย
           สิทธิมนุษยชนแห่งอเมริกาได้ 90

                        แนวทางการตีความของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของภูมิภาคอเมริกาในรายงานฉบับนี้มีความ
           ชัดเจนในการเชื่อมโยงคุณภาพของสิ่งแวดล้อมเข้ากับสิทธิมนุษยชนมากกว่าในคดี  Yanomami  แต่คณะกรรมการ

           สิทธิมนุษยชนของภูมิภาคอเมริกายังคงอ้างอิงเรื่องสิ่งแวดล้อมเข้ากับสิทธิในการมีชีวิต  โดยไม่ได้แยกสิทธิในสิ่งแวดล้อม
           ออกมาเป็นสิทธิมนุษยชนประเภทหนึ่งในตัวเอง


                       ๓.๒.๒.๒ การตีความว่าการท�าให้เกิดความเสื่อมโทรมแก่สิ่งแวดล้อมเป็นการละเมิดต่อสิทธิในการมีชีวิต

          ในสิ่งแวดล้อมที่ดี (Right to Live in a Healthy Environment)
                               แม้จากแนวปฏิบัติที่ผ่านมาดังได้กล่าวข้างต้น  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของภูมิภาคอเมริกา

          จะอาศัยการอ้างอิงสิทธิในการมีชีวิตเพื่อตัดสินว่าปัญหาทางสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นกรณีพิพาทมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน  โดย
          ยังไม่มีแนวทางการตัดสินว่าสิทธิในสิ่งแวดล้อมเป็นสิทธิมนุษยชนอันได้รับความคุ้มครองภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิ
          มนุษยชนแห่งอเมริกา อย่างไรก็ดี ในปี ค.ศ. ๑๙๙๙ พิธีสารซานซัลวาดอร์ได้มีผลบังคับใช้ ซึ่งพิธีสารฉบับนี้ได้มีการรับรอง

          ถึงสิทธิในการมีชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่ดี (Right to Live in a Healthy Environment) ไว้ใน มาตรา ๑๑ จึงท�าให้มีประเด็น
          ที่น่าพิจารณาว่า การบัญญัติโดยใช้ถ้อยค�าในลักษณะเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อม (Right to Environ-

          ment) ขึ้นมาเป็นสิทธิมนุษยชนประเภทหนึ่งแล้วหรือไม่
                               ทั้งนี้ หากพิจารณาถ้อยค�าใน มาตรา ๑๑ ที่ว่า “Everyone shall have the right to live in
          a healthy environment and to have access to basic public services.” (มนุษย์ทุกคนย่อมมีสิทธิในการมีชีวิตอยู่

          ในสิ่งแวดล้อมที่ดีและย่อมมีสิทธิในการเข้าถึงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน)  จะเห็นได้ว่าพิธีสารซานซัลวาดอร์ให้ความส�าคัญ
          และให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงยึดโยงอยู่กับการมีชีวิตของมนุษย์ ซึ่งเป็นลักษณะของสิทธิในการมีชีวิต
          (Right to Life) อันเป็นสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการรับรองโดยทั่วไปอยู่แล้ว เช่นนี้แล้วจึงยังคงไม่อาจสรุปอย่างชัดแจ้งได้ว่า

          บทบัญญัติใน มาตรา ๑๑ ของพิธีสารซานซัลวาดอร์ได้ให้การรับรองแก่สิทธิในสิ่งแวดล้อม (Right to Environment)
          อย่างเป็นเอกเทศ เป็นสิทธิมนุษยชนประเภทหนึ่งเป็นการเฉพาะ
                               อย่างไรก็ดี ข้อสังเกตของบทบัญญัติตาม มาตรา ๑๑ คือ การบัญญัติรับรองสิทธิในการมีชีวิต

          ในสิ่งแวดล้อมที่ดีนี้ไม่ได้มีถ้อยค�าเชื่อมโยงการคุ้มครองสิทธิในสิ่งแวดล้อมให้ต้องมีการพิจารณาควบคู่ไปกับปัจจัยทาง
          เศรษฐกิจหรือการพัฒนา อันเป็นจุดที่ท�าให้สิทธิในสิ่งแวดล้อมภายใต้ระบบการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของภูมิภาคอเมริกา

          แตกต่างกับของภูมิภาคแอฟริกา  ซึ่งมีแนวทางการคุ้มครองสิทธิในสิ่งแวดล้อมโดยต้องค�านึงถึงการพัฒนาของประเทศด้วย 91





                 89   From Report on the Situation of Human Rights in Ecuador (pp 88) Inter-Am. C.H.R., OEA/ser. L.2V.2II.96, doc.

          10 rev. 1 (1997)
                 90   From Report on the Situation of Human Rights in Ecuador, Inter-Am. C.H.R., OEA/ser. L.2V.2II.96, doc. 10 rev.

          1 (1997) Op. cit.
                 91   Article 24 of the African Charter on Human and Peoples’ Rights  states that “All peoples shall have the

          right to a general satisfactory environment favorable to their development.”

                                                           92
   88   89   90   91   92   93   94   95   96   97   98