Page 87 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 87
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ
๓.๑.๓.๔ คดีเกี่ยวกับสิทธิในการได้รับการเยียวยาอย่างมีประสิทธิภาพ (Right to an Effective
Remedy)
คดี Kolyadenko and Others v. Russia ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๒๐๑๒
ผู้ฟ้องคดีอาศัยอยู่ในเมือง Vladivostok ใกล้แม่น�้า Pionerskaya และเกิดน�้าท่วมอย่างหนักในเมื่อปี
๒๐๐๑ โดยผู้ฟ้องคดีเห็นว่า หน่วยงานภาครัฐไม่ได้มีมาตรการป้องกันความเสี่ยงอย่างเพียงพอในการไม่ท�าให้เกิดน�้าท่วม
และเมื่อเกิดน�้าท่วมหนักแล้วก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ฟ้องคดี แต่หน่วยงานภาครัฐมิได้ให้
ความช่วยเหลือเยียวยาอย่างมีประสิทธิภาพ จึงน�าคดีมาฟ้องยังศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป
ศาลเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิในชีวิต (มาตรา ๒) และละเมิดสิทธิในชีวิตส่วนตัวและ
ครอบครัว (มาตรา ๘) รวมถึงสิทธิในทรัพย์สิน (พิธีสารฉบับที่ ๑) แต่ยังไม่ถึงขั้นที่จะละเมิดต่อสิทธิในการได้รับการ
เยียวยาอย่างมีประสิทธิภาพ ตามมาตรา ๑๓ เนื่องจากผู้ฟ้องคดียังสามารถฟ้องร้องไปยังศาลแพ่ง หรือศาลอาญา อันเป็น
ศาลที่จะชดเชยเยียวยาความเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดีตามกฎหมายภายในของรัสเซีย และถือว่าเป็นความรับผิดชอบของ
รัฐที่มีกฎหมายบัญญัติรับรองไว้ชัดเจนแล้ว ผู้ฟ้องคดีจึงชอบที่จะใช้ช่องทางในการฟ้องร้องคดีดังกล่าวเสียก่อน
๓.๑.๓.๕ คดีเกี่ยวกับสิทธิในการมีความสุขของเจ้าของทรัพย์สินอย่างสงบ (Right to the Peaceful
Enjoyment of One’s Possessions)
คดี Fredin (no. 1) v. Sweden ลงวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๙๑
คดีนี้เกี่ยวกับการเพิกถอนใบอนุญาตท�าเหมืองหินตามพระราชบัญญัติการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
โดยผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ถูกเพิกถอนใบอนุญาต และเห็นว่าการเพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าวเป็นการละเมิดต่อสิทธิในทรัพย์สิน
ของตนเอง
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า ปัจจุบันสังคมเริ่มมีการรณรงค์ปกป้องคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในการคุ้มครองทรัพย์สินของเจ้าของทรัพย์มีความจ�าเป็นต้องพิจารณาความชอบธรรมตามพระราช
บัญญัติการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติด้วย เห็นว่า การเพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าวไม่ขัดต่อมาตรา ๑ ของพิธีสาร
ฉบับที่ ๑ ว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิในความเป็นเจ้าของทรัพย์สิน โดยหากผู้ฟ้องคดีมีความเดือดร้อนเสียหายก็ชอบที่จะ
เรียกร้องให้ชดเชยค่าเสียหายในทางแพ่งได้ และจากข้อเท็จจริงผู้ฟ้องคดีก็ได้รับการเยียวยาโดยให้ผ่อนผันมาตรการ
ดังกล่าวภายใน ๓ ปี จึงเห็นว่ามีความเป็นธรรมแล้ว
คดี Papastavrou and Others v. Greece ลงวันที่ ๑๐ เมษายน ค.ศ. ๒๐๐๓
คดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับที่ดินและพื้นที่ปลูกต้นไม้ โดยผู้ฟ้องคดีทั้ง ๒๕ คน มีความเดือดร้อนจากการที่
รัฐบาลกรีซรบกวนความเป็นเจ้าของที่ดิน โดยอ้างว่า พื้นที่ที่ผู้ฟ้องคดีทั้ง ๒๕ คน อยู่อาศัยนั้นเป็นพื้นที่ป่าที่ต้องมี
การปลูกป่าบนพื้นที่ดังกล่าว
ศาลเห็นว่า รัฐบาลกรีซจะต้องสร้างความยุติธรรมระหว่างประโยชน์สาธารณะกับการปกป้องคุ้มครองทรัพย์สิน
ส่วนตัวของเจ้าของ หากข้อเท็จจริงปรากฏว่ามีเพียงพื้นที่บางส่วนเท่านั้นที่เป็นพื้นที่ป่า รัฐบาลก็ควรคุ้มครองทรัพย์สิน
ของประชาชนที่เหลือ ดังนั้น การกระท�าของรัฐบาลกรีซในกรณีนี้จึงเป็นการละเมิดต่อสิทธิในความเป็นเจ้าของ
ทรัพย์สินของบุคคล ตามมาตรา ๑ แห่งพิธีสาร ฉบับที่ ๑
86