Page 54 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 54
ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
เพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ตัวอย่างของการที่จะต้องรอให้เกิดความเสียหายขึ้นก่อนจึงจะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ตามแนวคิดเช่นนี้ สามารถเห็นได้จากการตัดสินข้อพิพาทของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในคดี Bordes
and Temeharo v. France (ลงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๑๙๙๖) โดยในคดีนี้ ผู้ร้องกล่าวอ้างว่ามีการละเมิดสิทธิในชีวิต
เนื่องจากการปล่อยรังสีนิวเคลียร์ของการทดลองนิวเคลียร์ในประเทศฝรั่งเศสก่อให้เกิดความเสี่ยงในภยันตรายต่อชีวิตและ
สุขภาพของประชาชน ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติมีมติไม่รับค�าร้องดังกล่าว ด้วยเหตุที่ว่าผู้ร้อง
ยังไม่มีฐานะเป็นเหยื่อ (Victims) ของการละเมิดสิทธิมนุษยชน เนื่องจากภยันตรายยังอยู่ห่างไกลและผู้ร้องยังไม่สามารถ
แสดงพยานหลักฐานที่แน่นอนชัดเจนถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามที่กล่าวอ้างได้
• พัฒนาการทางแนวคิดของภูมิภาคอเมริกา
ส�าหรับภูมิภาคอเมริกานั้น แนวคิดในเรื่องสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมีการตีความ
ขอบเขตของสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางยิ่งกว่าภูมิภาคยุโรป กล่าวคือ ภายหลังจากที่เวทีกฎหมายระหว่างประเทศได้
ตระหนักถึงความส�าคัญของสิ่งแวดล้อมต่อการด�ารงชีวิตของมนุษย์แล้ว แนวทางการตีความในการระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับ
สิ่งแวดล้อมขององค์กรทางสิทธิมนุษยชนของภูมิภาคอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งภูมิภาค
อเมริกาหรือศาลสิทธิมนุษยชนแห่งภูมิภาคอเมริกา ในเบื้องต้นจะอาศัยแนวคิดแบบเดียวกันกับภูมิภาคยุโรป โดยพิจารณา
ว่าการท�าให้สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมหรือการก่อมลภาวะนั้นส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนที่มีอยู่แล้วภายใต้อนุสัญญาว่า
ด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งอเมริกาหรือไม่ หากกระทบหรือขัดขวางการใช้สิทธิมนุษยชนประการหนึ่งประการใด การกระท�า
นั้นย่อมเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ทั้งนี้ พัฒนาการทางแนวคิดของภูมิภาคอเมริกาที่แตกต่างจากของภูมิภาคยุโรป คือ แม้
ในเบื้องต้น อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งอเมริกายังไม่มีการบัญญัติรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมไว้เป็นการเฉพาะเช่นเดียว
กับภูมิภาคยุโรป ท�าให้ต้องอาศัยสิทธิมนุษยชนที่มีอยู่แล้วมาปรับใช้เพื่อรับมือกับปัญหาสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ แต่ต่อมาภูมิภาค
อเมริกาได้มีการบัญญัติรับรองสิทธิในการมีชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่ดี (Right to Live in a Healthy Environment) ขึ้นเป็น
สิทธิมนุษยชนอย่างชัดแจ้ง โดยบัญญัติไว้ใน Article 11 ของพิธีสารซานซัลวาดอร์ (Protocol of San Salvador) 32
พิธีสารซานซัลวาดอร์บัญญัติรับรองสิทธิในการมีชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่ดีส�าหรับปัจเจกชน
33
(Individual) และมีผลผูกพันรัฐผู้ลงนามในพิธีสารดังกล่าว อย่างไรก็ดี Article 19 ของพิธีสารฉบับนี้ยังมีเนื้อหาที่ส่งเสริม
ให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของภูมิภาคอเมริกาต้องตระหนักถึงธรรมชาติของสิทธิที่อาจมีการพัฒนาต่อไป (Progressive
Nature) ซึ่งมีความหมายโดยนัย ให้ต้องมีการค�านึงถึงสิทธิของรัฐาธิปัตย์ในการที่จะใช้สอยทรัพยากรธรรมชาติของรัฐด้วย
32
Additional Protocol to the American Convention on Human Rights in the Area of Economic, Social and
Cultural Rights “Protocol of San Salvador”, Article 11 Right to a Healthy Environment (1) 1. Everyone shall have
the right to live in a healthy environment and to have access to basic public services. (2) The States Parties shall
promote the protection, preservation, and improvement of the environment.
33 Additional Protocol to the American Convention on Human Rights in the Area of Economic, Social and
Cultural Rights “Protocol of San Salvador”, Article 19.8 Means of Protection states that the Councils and the Inter-
American Commission on Human Rights, in discharging the functions conferred upon them in this article, shall take into
account the progressive nature of the observance of the rights subject to protection by this Protocol.
53