Page 49 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 49
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ
๒.๑.๒ ตราสาร Soft Law ระหว่างประเทศที่วางหลักการสากลกว้างๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง
มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
ในระดับกติกาสากลระหว่างประเทศนั้น พัฒนาการของการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเริ่มต้นจากตราสาร Soft
Law ระหว่างประเทศโดยเริ่มมีพัฒนาการที่เด่นชัดเมื่อมีการจัดท�าปฏิญญาสากลว่าด้วยสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ ค.ศ. ๑๙๗๒
(The Declaration of the United Nations Conference on the Human Environment 1972) ณ กรุงสตอกโฮล์ม
(ปฏิญญาสตอกโฮล์ม) ซึ่งได้กล่าวถึงความส�าคัญของสิ่งแวดล้อมและสิทธิของมนุษย์ในสิ่งแวดล้อมเป็นครั้งแรก และในอีก
๒๐ ปีต่อมา จึงเกิดมีปฏิญญาสากลอีกฉบับที่วางหลักการเกี่ยวกับการจัดการและการพัฒนาสิ่งแวดล้อม กล่าวคือ ปฏิญญา
สากลว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา ค.ศ. ๑๙๙๒ (Rio Declaration on Environment and Development 1992)
ณ กรุงริโอ เดอ จาเนโร (ปฏิญญาริโอ) ปฏิญญาสากลทั้งสองฉบับนี้ได้วางกรอบแนวคิดส�าคัญเกี่ยวกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
และเป็นปฏิญญาตั้งต้นอันน�ามาซึ่งพัฒนาการในการคุ้มครองหรือจัดการสิ่งแวดล้อมทางกฎหมายระหว่างประเทศในเวลา
ต่อมา
การพิจารณาประเด็นสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมในตราสาร Soft Law ระหว่างประเทศจึงสามารถ
พิจารณาแยกตามปฏิญญาได้ดังต่อไปนี้
๒.๑.๒.๑ ปฏิญญาสตอกโฮล์ม
ปฏิญญาสตอกโฮล์มเป็นปฏิญญาสากลว่าด้วยสิ่งแวดล้อมฉบับแรกที่ได้มีการกล่าวถึงสิทธิของ
มนุษย์ในสิ่งแวดล้อมที่ดี โดยปรากฏใน Principle 1 ซึ่งมีใจความว่า “มนุษย์มีสิทธิพื้นฐานในเสรีภาพ ความเท่าเทียมกัน
และคุณภาพชีวิตที่ดีเพียงพอในสิ่งแวดล้อมที่มีคุณภาพ” (Man has the fundamental right to freedom, equality
and adequate conditions of life, in an environment of a quality that permits a life of dignity and well-
being…)
ถ้อยค�าใน Principle 1 ของปฏิญญาสตอกโฮล์มแสดงให้เห็นถึงการตระหนักในความสัมพันธ์
ระหว่างชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์กับคุณภาพของสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ดี “สิทธิ” ที่ได้ถูกกล่าวถึงใน Principle 1 ได้แก่
สิทธิในเสรีภาพ ความเท่าเทียมกัน และคุณภาพชีวิตที่ดี โดยไม่ได้มีการรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมไว้เป็นการเฉพาะ แต่
เป็นการตระหนักว่าคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีมีความส�าคัญและจ�าเป็นต่อการใช้สิทธิพื้นฐานของมนุษย์ดังกล่าว 22
นอกเหนือจากการตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมกับมนุษย์แล้ว ปฏิญญา
สตอกโฮล์มยังได้กล่าวถึงสิทธิของชนรุ่นหลังในทรัพยากรธรรมชาติไว้ด้วย โดย Principle 2 ของปฏิญญาสตอกโฮล์ม
ก�าหนดให้ต้องมีการสงวนรักษาทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ของมนุษย์ในปัจจุบันและชนรุ่นหลังในอนาคต
(“The natural resources of the earth, …, must be safeguarded for the benefit of present and future
generations…”)
ถ้อยค�าเนื้อความจาก Principle 1 และ Principle 2 ข้างต้น แสดงให้เห็นว่าปฏิญญาสตอกโฮล์ม
มีการตระหนักและรับรองถึงความเชื่อมโยงระหว่างสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ปฏิญญาสตอกโฮล์ม
ยังไม่ได้จ�ากัดความส�าคัญของสิ่งแวดล้อมต่อมนุษย์ในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังได้ค�านึงถึงสิทธิของชนรุ่นหลังด้วย อย่างไรก็ดี
ปฏิญญาสตอกโฮล์มยังไม่มีการรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อม (Right to Environment) ไว้อย่างชัดเจน
22
lbid.
48