Page 53 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 53
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ
• พัฒนาการทางแนวคิดของภูมิภาคยุโรป
อนุสัญญาที่ส�าคัญในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในระดับภูมิภาคของยุโรป ได้แก่
อนุสัญญาแห่งยุโรปว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน (European Convention on Human Rights)
อนุสัญญาฉบับนี้ยังไม่ได้มีการรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมไว้เป็นการเฉพาะ อย่างไรก็ดี การตระหนักถึงความส�าคัญของ
คุณภาพสิ่งแวดล้อมในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนซึ่งปรากฏในปฏิญญาสตอกโฮล์ม ได้มีส่วนกระตุ้นให้ภูมิภาคยุโรปตระหนัก
ถึงความเชื่อมโยงระหว่างการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชน โดยมีการเสนอให้จัดท�าพิธีสารเพิ่มเติมอนุสัญญา
แห่งยุโรปว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน เพื่อรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมไว้เป็นการเฉพาะในปี
ค.ศ. ๑๙๗๒, ๑๙๗๓, ๑๙๗๘ และ ๑๙๘๗ มาอย่างต่อเนื่อง แต่จนถึงปัจจุบันข้อเสนอดังกล่าวยังไม่ประสบความส�าเร็จ
เนื่องจากยังมีการถกเถียงกันอยู่ถึงขอบเขตและเนื้อหาแห่งสิทธิ อีกทั้งรัฐภาคีต่างประสบปัญหาทางสิ่งแวดล้อมภายใน
ประเทศของตน จึงเกรงว่าหากมีการรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมเป็นสิทธิมนุษยชนประเภทหนึ่งขึ้นมา อาจก่อให้เกิดปัญหา
การร้องเรียนเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนเพิ่มขึ้น 29
แม้แนวคิดการรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมให้มีฐานะเป็นสิทธิมนุษยชนเป็นการเฉพาะยังไม่
ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาคยุโรป แต่กลไกของสิทธิมนุษยชนของภูมิภาคยุโรปได้ถูกน�ามาใช้เพื่อคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
เนื่องจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนและศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรปต่างยอมรับในความส�าคัญของคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ที่มีต่อการด�ารงชีวิตของมนุษย์ ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมหรือมลภาวะย่อมส่งผลเสียและกระทบต่อสิทธิมนุษยชน
ต่าง ๆ ที่ได้รับการรับรองภายใต้อนุสัญญายุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในชีวิต (Right to Life) สิทธิใน
ความเป็นส่วนตัวและชีวิตครอบครัว (Right to Private and Family Life) และสิทธิในการมีความสุขกับการเป็นเจ้าของ
ทรัพย์สินอย่างสงบ (Right to the Peaceful Enjoyment of One’s Possessions)
แนวคิดของภูมิภาคยุโรปในการอาศัยกลไกทางสิทธิมนุษยชนเป็นเครื่องมือส�าหรับ
คุ้มครองสิ่งแวดล้อมไม่ได้มีการรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมขึ้นมาเป็นสิทธิมนุษยชนประเภทหนึ่งเป็นการเฉพาะ แต่จะเป็น
การอาศัยสิทธิมนุษยชนที่มีอยู่แล้วมาปรับใช้กับกรณีทางสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ หากการเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมหรือการก่อ
ให้เกิดมลภาวะส่งผลกระทบต่อการด�ารงชีวิตหรือการใช้สิทธิของมนุษย์ซึ่งได้รับการรับรองภายใต้อนุสัญญายุโรปว่าด้วย
สิทธิมนุษยชนข้างต้น กรณีดังกล่าวย่อมถือว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน 30
แนวคิดเช่นนี้มีข้อจ�ากัด คือ ล�าพังการท�าให้สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมหรือการก่อให้เกิด
มลภาวะเพียงเท่านั้น ยังไม่ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในทันที แต่ต้องปรากฏด้วยว่าการท�าให้สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม
หรือการก่อมลภาวะดังกล่าวนั้นได้ส่งผลเสียต่อชีวิต ร่างกาย สุขภาพ หรือการด�ารงชีวิตของมนุษย์ถึงขนาดที่เป็นการละเมิด
สิทธิในชีวิต หรือสิทธิมนุษยชนอื่นภายใต้อนุสัญญาแห่งยุโรปว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานแล้ว
ซึ่งจะพบว่ากรณีปัญหาทางสิ่งแวดล้อมจ�านวนมาก ความเสียหายต่อคุณภาพชีวิตของมนุษย์จะยังไม่ปรากฏขึ้นทันทีที่มี
การท�าลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งหากจะต้องรอให้มีความเสียหายดังกล่าวปรากฏขึ้นเสียก่อน ก็อาจจะเป็นการสายเกินไปที่จะฟื้นฟู
สิ่งแวดล้อมหรือเยียวยาความเสียหายได้ 31
29 From “Human Rights, Environmental Rights, and the Rights to Environment” by Dinah Shelton (1991)
Stan. J. Int’l L. 28, 103, 1991-1992, pp 132-133.
30 เช่น คดี Oneryildiz v. Turkey (2004), EHRR. และคดี Lopez Ostra v. Spain (1994). เป็นต้น
31 From “The Right to a Healthy Iife or the Right to Die Polluted?: The Emergence of a Human Right to
a Healthy Environment Under International Law”, by Sumudu Atapattu (2002) Tul. Envtl. L.J., 16, 65, 2002-2003,
pp 98-99.
52