Page 42 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 42

ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
                                                                    เพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน





            หากตีความไปไกลถึงขนาดสิทธิของกลุ่มคน ย่อมมีโอกาสที่จะต้องตีความไปถึงขั้นสิทธิร่วมกันของกลุ่มคนของทั้งรัฐหรือ

            ทั้งประเทศที่จะกลายเป็นประเด็นเกี่ยวกับผลประโยชน์ด้านสังคม เศรษฐกิจของประเทศอันจะไม่ใช่เรื่องสิทธิมนุษยชน
            แต่เพียงอย่างเดียว  และก่อให้เกิดการบิดเบือนส�าหรับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่พึงจะเป็น  แม้ในภายหลังจะมีสิทธิบาง

            ประการที่ได้รับการคุ้มครองอย่างเช่นสิทธิมนุษยชน เช่น สิทธิของชนกลุ่มน้อย สิทธิทางวัฒนธรรม (Cultural Rights) และ
            สิทธิในการก�าหนดเจตจ�านงของตนเอง (Right to Self-Determination) แต่สิทธิเหล่านี้ก็มีความแตกต่างจากสิทธิมนุษยชน
            ในช่วงที่สาม  ตรงที่สิทธิเหล่านี้มีองค์ประกอบส�าคัญร่วมกัน  (Collective  Element)  ขณะที่สิทธิในช่วงที่สามเป็นสิทธิที่

            เป็นส่วนประกอบของสิทธิส่วนตน (Individual Component) ของแต่ละคน เสียมากกว่าสิทธิที่มีองค์ประกอบร่วมกัน จึง
            มีผู้กล่าวว่า  สิทธิของประชาชน  (Peoples  Rights)  คือ  สิทธิของปัจเจกบุคคลที่กระท�าในฐานะที่เป็นหนึ่งในสมาชิกของ
                 15
            สังคม  จึงท�าให้สิทธิในช่วงที่สามมีความต่างกับสิทธิที่เป็น Collective Right ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้
                                      (๒) ผู้ทรงสิทธิในสิทธิเชิงกลุ่มมีความไม่แน่นอน
                                         นิยามของสิทธิมนุษยชนเท่าที่ผ่านมา ผู้ทรงสิทธิมีความชัดเจน คือ ปัจเจกบุคคล ขณะที่
            สิทธิมนุษยชนเชิงกลุ่มยังคงมีความไม่แน่นอนในแง่ของผู้ทรงสิทธิว่าเป็นปัจเจกบุคคล หรือกลุ่มบุคคลใด ใครจะเป็นผู้มีส่วน

            ได้เสียบ้างของสิทธิเชิงกลุ่มเช่นนี้ ในเชิงกฎหมายจะมีความยากที่จะระบุลงไปว่าใครคือผู้ทรงสิทธิในสิทธิเชิงกลุ่มเช่นว่านั้น
            หากก�าหนดให้มีสิทธิเชิงกลุ่มย่อมต้องมีการก�าหนดให้ชัดเจนในเรื่องของผู้ทรงสิทธิแต่ละกลุ่ม เพราะหากผู้ทรงสิทธิมีความ

            ไม่ชัดเจนแล้ว  รัฐจะคุ้มครองสิทธิเชิงกลุ่มให้แก่ผู้ทรงสิทธิผู้ใดบ้าง  หรือขอบเขตของกลุ่มมีความกว้างหรือแคบประการใด
            จะก�าหนดอย่างไรในทางปฏิบัติให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนมากที่สุด
                                         ในทางวิชาการมีความพยายามอธิบายว่าผู้ทรงสิทธิเชิงกลุ่มจะต้องกระท�าผ่านตัวแทน

            (Representative) เท่านั้น โดยผู้แทนของกลุ่มจะเป็นผู้แทนในการอ้างสิทธิต่อรัฐให้ต้องคุ้มครองกลุ่มของตน แต่แนวคิดนี้
            ก็มีข้อถกเถียงอีกว่า  ตัวแทนของกลุ่มไม่อาจเป็นผู้ทรงสิทธิเชิงกลุ่มได้  เนื่องจากปัจเจกบุคคลที่รวมกันเป็นกลุ่มต่างมีความ

            หลากหลาย ผู้แทนของกลุ่มจะมีค�าอธิบายอย่างชัดเจนได้อย่างไรว่า สิทธิที่กล่าวขึ้นมาอ้างต่อรัฐนั้นได้ถูกกระทบต่อปัจเจก
            บุคคลทุกคนร่วมกันจริง หรือกระทบเฉพาะบางคนในกลุ่ม
                                      (๓) สิทธิในการพัฒนา (Right to Development) มีโอกาสบิดเบือนมาก

                                         สิทธิในการพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิทธิในการพัฒนาตามมาตรา ๑ วรรคแรก ประกอบ
            มาตรา ๒ แห่งปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิในการพัฒนา พยายามอธิบายว่าสิทธิในการพัฒนาเป็นสิทธิของมนุษย์
            คนหนึ่ง ที่มีสิทธิที่จะได้รับการส่งเสริมหรือคุ้มครองด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมเพื่อน�าไปสู่การพัฒนาตนเอง รัฐต่าง ๆ

            มีหน้าที่ในการก�าหนดนโยบายการพัฒนาประเทศให้มีความเหมาะสมเพื่อปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนหรือ
            ปัจเจกบุคคลทั้งปวงในประเทศ  แม้ถ้อยค�าภาษาอังกฤษของปฏิญญาฉบับนี้จะดูมีความก�ากวมไม่ชัดเจนว่าจะคุ้มครองสิทธิ
            ของปัจเจกบุคคลคนหนึ่ง ๆ รวมกันเป็นกลุ่ม หรือจะคุ้มครองสิทธิของกลุ่ม แต่ประเทศก�าลังพัฒนาในทวีปแอฟริกา ได้น�า

            ไปบัญญัติไว้ในมาตรา ๒๒ วรรคแรก แห่งกฎบัตรแอฟริกัน (African Charter) เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน กลับใช้ถ้อยค�า
            เกี่ยวกับสิทธิในการพัฒนาว่า “All peoples shall have the right to their economic social and cultural

            development…”  กล่าวคือ สิทธิของประชาชนทั้งกลุ่มซึ่งอาจก่อให้เกิดการตีความที่บิดเบือนไปได้





                    15   From Universal Human Rights in theory and practice (p 222), Jack Donnelly 2003 New York: Cornell

            University Press 2 edition.
                            nd


                                                           41
   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47