Page 41 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 41
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ
สิทธิมนุษยชนช่วงที่ ๑ ได้แก่ สิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงศตวรรษที่ ๑๗ ถึง
ศตวรรษที่ ๑๘ ซึ่งการพิจารณาสิทธิมนุษยชนในยุคนี้ให้ความส�าคัญกับฐานทางการเมือง (Based on Political
Concerns) สิทธิมนุษยชนในยุคนี้ จึงมีการแบ่งออกเป็นสิทธิของพลเมือง (Civil Rights) ซึ่งมุ่งคุ้มครองสิทธิขั้น
พื้นฐานของปัจเจกบุคคลทางด้านกายภาพ หรือศีลธรรม และสิทธิทางการเมือง (Political Rights) คือ สิทธิของ
ปัจเจกบุคคลที่จะมีชีวิตในสังคมและชุมชน เช่น สิทธิในการออกเสียงเลือกผู้แทน การเข้าร่วมพรรคการเมือง การ
แสดงออกทางการปกครองชุมชน เป็นต้น
สิทธิมนุษยชนช่วงที่ ๒ เป็นสิทธิมนุษยชนที่มีความชัดเจนขึ้นในช่วงระยะเวลาถัดมา
ซึ่งมีฐานแนวคิดจากความเท่าเทียม (Equality) และการประกันการเข้าถึงสังคมและเศรษฐกิจ สินค้าและบริการ
ซึ่งเริ่มมีการพูดถึงในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม สิทธิในช่วงเวลานี้ได้ล่วงเลยมาจนหลังสงครามโลกครั้งที่สอง มีสิทธิที่
ได้รับการรับรองเพิ่มเติม ได้แก่ สิทธิทางสังคม (Social Right) สิทธิทางเศรษฐกิจ (Economic Right) และสิทธิ
ทางวัฒนธรรม (Cultural Right)
สิทธิมนุษยชนช่วงที่ ๓ ได้แก่ สิทธิที่มีลักษณะเป็นสิทธิเชิงกลุ่ม (Collective Right)
โดยมีฐานคิดจากความเป็นน�้าหนึ่งใจเดียวกันหรือร่วมมือร่วมแรงกัน (Solidarity) ของมนุษย์ในสังคม เริ่มมีแนวคิด
ตั้งแต่ช่วงที่มีการประชุมระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อมในกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ในปี ๑๙๗๒ เช่น สิทธิ
ในการพัฒนา (Right to Development) สิทธิในสิ่งแวดล้อม (Right to Healthy Environment) สิทธิในสันติภาพ
(Right to Peace) สิทธิในการเข้าถึงทรัพยากร (Right to Access to Resources)
อย่างไรก็ดี สิทธิมนุษยชนช่วงที่ ๓ นั้น ปัจจุบันยังขาดการยอมรับในวงวิชาการและการ
ปฏิบัติของนานาประเทศ เนื่องจากระดับการพัฒนาของแต่ละประเทศยังมีความไม่เท่าเทียมกัน ประเทศก�าลังพัฒนา
ส่วนใหญ่เห็นว่าสิทธิมนุษยชนเชิงกลุ่มสมควรได้รับการคุ้มครองในฐานะที่เป็นสิทธิมนุษยชนเนื่องจากเป็นสิทธิที่คนในชาติ
ของประเทศก�าลังพัฒนายังไม่ได้รับความคุ้มครองหรือถูกละเมิดมากกว่าคนในชาติที่พัฒนาแล้ว และการคุ้มครองสิทธิ
มนุษยชนสมควรปฏิบัติให้เกิดความเท่าเทียมกันทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วหรือประเทศก�าลังพัฒนา โดย
เฉพาะอย่างยิ่ง สิทธิในการพัฒนา (Right to Development) ที่ประเทศก�าลังพัฒนาต่างเรียกร้องให้ประเทศพัฒนา
แล้วคุ้มครองสิทธิเหล่านี้ด้วย ส่วนประเทศพัฒนาแล้วมิได้ปฏิเสธว่าสิทธิเหล่านี้จะไม่ได้รับความคุ้มครอง แต่ก่อนที่จะได้รับ
ความคุ้มครองอย่างแท้จริง ประเทศก�าลังพัฒนาควรด�าเนินการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในช่วงที่ ๑ และช่วงที่ ๒ ให้ครบถ้วน
สมบูรณ์อย่างแท้จริงเสียก่อน แล้วจึงจะหันมารับรองสิทธิมนุษยชนช่วงที่สามให้ครบถ้วนในภายหลัง เนื่องจากประเทศ
พัฒนาแล้วเห็นว่าสิทธิมนุษยชนในช่วงที่ ๑ และช่วงที่ ๒ นั้นประเทศก�าลังพัฒนายังให้ความคุ้มครองได้ไม่ดีพอ แต่กลับ
เรียกร้องให้มีการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนเพิ่มเติมอีก จึงยังเป็นการไม่สมควรในช่วงเวลานี้ โดยในทางวิชาการนั้น ฝ่ายที่
ไม่เห็นด้วยมีเหตุผลในเชิงกฎหมายสนับสนุน โดยสรุปเบื้องต้น ดังนี้
(๑) สิทธิมนุษยชนควรเป็นสิทธิของปัจเจกบุคคลตามที่มีมาแต่ดั้งเดิม
สิทธิมนุษยชนในอดีตที่ผ่านมาแต่เดิม อธิบายว่าเป็นสิทธิของมนุษย์คนหนึ่งที่มีมาแต่
ก�าเนิด ไม่มีใครจะยกเลิกเพิกถอนสิทธินี้ไปได้ สิทธิมนุษยชนจึงมุ่งคุ้มครองสิทธิของปัจเจกบุคคล คือ สิทธิของคนหนึ่ง ๆ
ที่พึงมีพึงได้ (Individual Interest) ซึ่งสิทธินี้ควรที่จะอยู่เหนือกว่าสิทธิหรือประโยชน์ของกลุ่ม (Interest of Society) ซึ่ง
40