Page 190 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 190
ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
เพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
(๑๕) UNECE Protocol on Civil Liability and Compensation for Damage Caused
by the Transboundary Effects of Industrial Accidents on Transboundary
Waters to the 1992 Convention on the Protection and Use of
Transboundary Watercourses and International Lakes and to the 1992
Convention on the Transboundary Effects of Industrial Accidents
(Protocol on Civil Liability) 2003
มาตรา ๑ แห่งพิธีสารก�าหนดให้มีการชดเชยเยียวยาความเสียหายที่เพียงพอและ
โดยพลันในอุบัติเหตุทางอุตสาหกรรมที่กระท�าต่อแม่น�้าระหว่างประเทศ
มาตรา ๘ ก�าหนดว่า ผู้เสียหายจากอุบัติเหตุข้ามแดนจะต้องไม่ถูกเลือกปฏิบัติในรัฐภาคี
ที่เกี่ยวข้อง
๖.๑.๒.๓ วิเคราะห์
ตราสารสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคยุโรป และตราสารสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคยุโรป มีพัฒนาการใน
การยอมรับหรือรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมอย่างจ�ากัด มีตราสารน้อยฉบับที่จะกล่าวถึงสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน เว้นแต่
สิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ปรากฏชัดเจนเพียงตราสารเดียวก็คือ Aarhus Convention on Access to Information, Public
Participation in Decision-Making and Access to Justice in Environmental Matters, 1998 ซึ่งระบุในมาตรา ๑
ว่า เพื่อการปกป้องคุ้มครองสิทธิของมนุษย์ในยุคปัจจุบันและอนาคตชนทุกคนในการอยู่อาศัยในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมต่อ
สุขภาพ อย่างไรก็ดี ในการบังคับใช้สิทธิในการอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีก็ยังคงเป็นการบังคับใช้อย่างเทียบเคียงกับสิทธิ
มนุษยชนอื่นๆ เท่านั้น มิได้ถือโดยตรงว่าสิทธิในสิ่งแวดล้อมเป็นสิทธิมนุษยชนโดยเอกเทศ แต่ก็ถือได้ว่าสิทธิในสิ่งแวดล้อม
เริ่มมีความส�าคัญในชาติยุโรปพอสมควร นอกจากนี้ สิทธิดังกล่าวนี้ยังมีลักษณะของสิทธิเชิงปัจเจกบุคคล เนื่องจากตัวบท
ภาษาอังกฤษใช้ค�าว่า “right of every person of present and future generations to live in an environment
adequate to his or her health and well-being...” ซึ่งค�าว่า every person หมายถึงปัจเจกบุคคลแต่ละคนมีสิทธิ
เป็นของตนเอง
สิ่งที่อนุสัญญา Aarhus มีอิทธิพลในการบังคับใช้ในยุโรปมากที่สุด คือ สิทธิเชิงกระบวนการซึ่งใช้
เป็นฐานในการอ้างถึงหรืออ้างอิงโดยตลอดเมื่อมีการกล่าวถึงสิทธิเชิงกระบวนการ ได้แก่ สิทธิในการได้รับข้อมูลข่าวสาร
สิทธิในการมีส่วนร่วมตัดสินใจ และสิทธิในการเข้าถึงความยุติธรรมในสิ่งแวดล้อม จะเห็นได้จากการที่ UNECE Convention
on Long-Range Transboundary Air Pollution 1979 ที่ก�าหนดให้น�าอนุสัญญา Aarhus มาใช้ได้โดยอนุโลม
ส�าหรับชาติยุโรปแล้วคงปฏิเสธมิได้ที่จะกล่าวว่า ยุโรปเป็นกลุ่มของชาติที่มีการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ที่ค่อนข้างเข้มงวดภูมิภาคหนึ่ง จะเห็นตราสารสิ่งแวดล้อมแทบทุกฉบับในยุโรปที่จะไม่ลืมน�าสิทธิเชิงกระบวนการมาปรับใช้
แก่การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม แม้สนธิสัญญาในยุคเก่าที่ยังไม่เคยบัญญัติเกี่ยวกับสิทธิเชิงกระบวนการไว้ เมื่อเวลาผ่านไปก็มี
การตกลงกันเพิ่มเติมโดยพิธีสารให้น�าสิทธิเชิงกระบวนการมาปรับใช้ ขณะที่สิทธิเชิงเนื้อหาจะเน้นแต่เพียงสิทธิมนุษยชน
ที่มีอยู่และได้รับการรับรองมาใช้บังคับ เช่น สิทธิในชีวิต สิทธิในชีวิตส่วนตัวและครอบครัว สิทธิในการได้รับการเยียวยาที่
เพียงพอเหมาะสม สิทธิในความเป็นเจ้าของทรัพย์สิน สิทธิในการได้รับการชดเชยเยียวยา สิทธิในความปลอดภัย ฯลฯ
189

